Page 131 - kpi17073
P. 131

130     การประชุมวิชาการ
                   สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16


                  1. ต้นกำเนิดของศาลรัฐธรรมนูญในระบบกฎหมายและการเมืองไทย



                       “ศาลรัฐธรรมนูญ” ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นองค์กรตุลาการที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดี
                  รัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกในระบบการเมืองและกฎหมายไทยมานับตั้งแต่การบังคับใช้รัฐธรรมนูญ

                  แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 แม้จะเคยมีการยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญลงครั้งหนึ่งและ
                  กลับไปใช้รูปแบบตุลาการรัฐธรรมนูญในระยะสั้นๆ เมื่อมีการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19
                  กันยายน 2549 แต่อย่างไรก็ตามในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรหลังจากนั้น คือรัฐธรรมนูญแห่ง

                  ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ก็ยังคงสถาปนา “ศาลรัฐธรรมนูญ” กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
                  แม้กระทั่งรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวถูกยกเลิกไปด้วยการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม

                  2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ แต่ก็มิได้ยกเลิกสถานะความเป็นองค์กรตุลาการของ
                  ศาลรัฐธรรมนูญ และยังได้รับรองให้ศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญแห่ง
                  ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ที่ประกาศใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน (กันยายน

                  2557)


                       แม้คำว่า “ศาลรัฐธรรมนูญ” อาจจะเป็นคำใหม่ หรือเหมือนองค์กรศาลใหม่ ที่เพิ่งปรากฏ
                  เมื่อปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมาก็ตาม แต่อันที่จริงแล้วศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่ “ของใหม่” ที่จัดวาง
                  ลงมาในพื้นที่ทางกฎหมายและการเมืองการปกครองไทยโดยไม่เคยมีบริบทแวดล้อมหรือปราศจาก

                  ประวัติศาสตร์ก็หาไม่ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญวิวัฒนาการที่สอบทานย้อนกลับไปได้ถึง
                  คณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่สถาปนาขึ้นจากจุดเริ่มต้นมาจากความขัดแย้งระหว่างองค์กรทาง

                  การเมืองครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากการที่ศาลฎีกาได้ใช้อำนาจตีความว่า
                  ในกรณีที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ว่าให้องค์กรไหนมีอำนาจในการพิจารณาปัญหาว่าบทบัญญัติ
                  แห่งกฎหมายใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไว้เป็นอื่น อำนาจดังกล่าวจะถือเป็นอำนาจของ

                  ศาลยุติธรรมที่จะใช้บทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นบังคับแก่คดี ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาใน
                  คดีอาชญากรสงครามที่ 1/2489 ที่พิพากษาให้พระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม พ.ศ. 2488

                  เฉพาะที่บัญญัติลงโทษการกระทำก่อนวันใช้พระราชบัญญัติขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นโมฆะ
                  คำพิพากษานี้ทำให้เกิดความขัดแย้งกับฝ่ายสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น ที่แม้จะยอมรับคำพิพากษา
                  นั้นด้วยความเคารพต่อศาลฎีกาก็ตาม


                       เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ก็ได้บัญญัติ

                  ให้มีองค์ขึ้นมาทำหน้าที่วินิจฉัยปัญหาว่ากฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรียกว่า
                  “คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ” เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าว โดยยังสงวนสิทธิให้รัฐสภาทรงไว้
                  ซึ่งสิทธิเด็ดขาดในการตีความแห่งรัฐธรรมนูญ แต่ในกรณีที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีใด ถ้าศาลเห็นว่า

                  บทกฎหมายนั้นขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ก็ให้ศาลรอการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นไว้ชั่วคราว
                  แล้วให้รายงานความเห็นเช่นว่านั้นตามทางการไปยังคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ถูกวางรูปแบบให้
        การประชุมกลุ่มย่อยที่ 1   เป็นองค์กรกึ่งการเมือง ประกอบด้วยบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐสภาแต่งตั้งขึ้น การตั้งคณะตุลาการ


                  รัฐธรรมนูญนี้จึงคล้ายเป็น “องค์กรกลาง” ที่ตั้งขึ้นเพื่อขจัดทั้งปัญหาที่ศาลยุติธรรมล่วงเข้ามาใช้
                  อำนาจตีความรัฐธรรมนูญซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในสมัยนั้นให้เป็นอำนาจของฝ่ายรัฐสภา
   126   127   128   129   130   131   132   133   134   135   136