Page 89 - kpi16607
P. 89

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย





                   จะเป็นเครื่องมือในการยุติความขัดแย้ง และจะเป็นโอกาสให้การเมืองได้ถอยกลับ

                   ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ กล่าวคือ รัฐประหารถูกมองว่าเป็นเสมือนกับการ “กดปุ่ม
                   reset” ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และที่สำคัญก็คือ รัฐประหารจะเป็นเครื่องมือ
                   ที่ทรงพลังของชนชั้นนำและกลุ่มอนุรักษ์นิยมในการควบคุมสถานการณ์ทาง

                   การเมือง ให้เดินไปในทิศทางที่พวกเขาต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชัยชนะของ
                   กลุ่ม “ทักษิณนิยม” ตั้งแต่การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2544 จนถึงปี พ.ศ. 2554 นั้น
                   ทำให้กระแสต่อต้านอนุรักษ์นิยมและความตื่นตัวของประชาชนในชนบทเกิดขึ้น

                   อย่างกว้างขวาง จนกลายเป็น “สิ่งที่ยอมไม่ได้” เพราะหากการเมืองเดินไปใน
                   ทิศทางเช่นนี้แล้ว อำนาจการควบคุมทางการเมืองของชนชั้นนำและกลุ่มการเมือง
                   อนุรักษ์นิยมจะยิ่งหมดพลังลง เท่าๆ กับที่ชนชั้นกลางเองก็จะถูกท้าทายจาก

                   การเติบใหญ่ทางการเมืองของคนในชนบทและชนชั้นล่างในเมืองมากขึ้น
                   รัฐประหารจึงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อหยุดแนวโน้มเช่นนี้ให้ได้ 37


                   แรงผลัก                                                                     1



                         รัฐประหารครั้งนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย อาจจะง่ายกว่าในปี
                   พ.ศ. 2549 เสียด้วย ว่าที่จริงแล้ว ไม่มีรัฐบาลพลเรือนไทยชุดใดสามารถ
                   ต้านทานการยึดอำนาจของทหารได้ เพราะแทบไม่มีรัฐบาลพลเรือนชุดใดเลย

                   ที่จะมีกำลังทหารอยู่ในมือจนอยู่ในสถานะที่จะคานกับอำนาจของผู้นำทหารได้
                   ดังนั้น เมื่อผู้นำทหารตัดสินใจที่จะยึดอำนาจแล้ว สิ่งที่รออยู่หลังจากนั้นก็คือ
                   การล้มลงของรัฐบาลพลเรือน ซึ่งก็เป็นไปดังคำกล่าวทางทฤษฎีว่า รัฐประหารคือ

                   จุดเริ่มต้นของการแตกสลายของระบอบประชาธิปไตย (democratic – regime
                   breakdown) ซึ่งก็ตอกย้ำปรากฏการณ์ในการเมืองไทยที่รัฐบาลพลเรือนอ่อนแอ
                   เกินกว่าที่จะต้านทานการยึดอำนาจของผู้นำทหารได้ รัฐบาลที่สามารถต่อสู้กับ
                   การรัฐประหารได้ก็เป็น “รัฐบาลประชาธิปไตยครึ่งใบ” ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นอดีต

                   ผู้นำทหาร และยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้นำกองทัพ เช่น กรณีของนายกฯ
                   เปรม กับการรัฐประหารของกลุ่ม “ยังเติร์ก” ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2525

                   เป็นต้น แต่คำตอบที่สำคัญก็คือ ผู้นำกองทัพไม่ได้เข้าร่วมการรัฐประหารโดยตรง


                      37   ดูคำเตือนประเด็นนี้ใน  Samuel P. Huntington, “Democracy’s Third Wave,” p. 18.




                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94