Page 88 - kpi16607
P. 88

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย





               การเมืองใน “อาหรับสปริง” พวกเขาก็ไม่รับรัฐบาลและดูจะยอมรับการเข้ามาของ

               ทหารมากกว่าจะยอมอยู่ภายใต้รัฐบาลของพรรค “ภราดรภาพมุสลิม” (The
               Muslim Brotherhood) ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ต่างไปจากทฤษฎีของ
               วิชาการเมืองเปรียบเทียบในอดีตเช่นในงานของ Seymour Martin Lipset ที่เชื่อ

               ว่า ชนชั้นกลางจะเป็นพลังหลักของการสร้างประชาธิปไตย แต่ในสถานการณ์
               ปัจจุบัน ชนชั้นกลางกลับแสดงออกด้วยความ “เกรี้ยวกราด” อย่างรุนแรงกับ
               ประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีทัศนะว่าการเลือกตั้งคือบ่อเกิดของการ

               คอร์รัปชั่น นักการเมืองคือสัญลักษณ์ของความฉ้อฉลทางการเมือง และผลการ
               เลือกตั้งคือตัวแทนของการหลอกลวงและการซื้อเสียงจากคนจนในชนบทที่ไร้
               การศึกษาและไม่มีความรู้เรื่องการเมือง และยิ่งการปลุกระดมในประเด็นเช่นนี้

               ขยายวงกว้างและโหนกระแสมากขึ้นแล้ว การเมืองไทยก็ถูกทำให้เป็นดังละคร
               โทรทัศน์ที่มี “พระเอก” และ “ผู้ร้าย”... มี “เทพ” และ “มาร” หรืออีกนัยหนึ่ง
               ก็คือ การปลุกระดมเช่นนี้ไม่เพียงทำให้เกิดการแบ่งฝ่ายหรือการสร้าง “ขั้วทาง

               การเมือง” (political polarization) มากขึ้นเท่านั้น หากแต่ยังส่งผลให้การเมือง
           0   ถูกอธิบายทุกเรื่องด้วยเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่าง “ขาว” กับ “ดำ” สภาพเช่นนี้

               ยังถูกสำทับด้วยการทำให้การเมืองเป็นเรื่องของ “ศีลธรรม” และ “คุณธรรม”

               ซึ่งก็ส่งผลให้การเมืองถูกอธิบายด้วยประเด็นที่เป็นเรื่องของศีลธรรมและคุณธรรม
               อันก่อให้เกิดวาทกรรม “คนดีศรีสังคม” และคนดีเช่นนี้ไม่ใช่นักการเมือง แต่ควร
               จะต้องเป็น “คนกลาง” ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เพราะด้วยชุดความคิดแบบ

               อุดมการณ์ต่อต้านการเมือง ชนชั้นกลางไทยและชนชั้นกลางอนุรักษ์นิยมใน
               หลายๆ ประเทศจึงแสดงออกด้วยการปฏิเสธกฎกติกาของระบอบประชาธิปไตย
               และบางครั้งก็ข้ามเส้นแบ่งไปสู่การเรียกร้องให้ “ทหารออกมาจากกรม” เพื่อ

               ล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลเช่นนี้ไม่มีศีลธรรมและคุณธรรม
               และการบริหารงานก็เต็มไปด้วยการคอร์รัปชั่น


                     กระแสอนุรักษ์นิยมในหมู่ชนชั้นกลางเช่นนี้ในที่สุดแล้วก็กลายเป็นโอกาส
               อย่างดีสำหรับผู้นำทหารไทยที่จะออกมายึดอำนาจอีกครั้ง แม้ผลกระทบจากการ
               ยึดอำนาจครั้งก่อนในปี พ.ศ. 2549 ยังไม่จางหายไป ผู้นำทหารก็ตัดสินใจ

               ยึดอำนาจที่กรุงเทพฯ อีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เป็นอีกครั้งหนึ่ง
               ที่ปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยถูกแก้ด้วยวิธีการเก่าที่เชื่อว่ารัฐประหาร




         สถาบันพระปกเกล้า
   83   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93