Page 85 - kpi16607
P. 85
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ในปี พ.ศ. 2484 ซึ่งจินตนาการเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เป็นจริงในปัจจุบันเท่านั้น
33
แต่ยังดูจะเป็นจินตนาการที่ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างไทยกับประเทศ
เพื่อนบ้านอีกด้วย ซึ่งกลุ่มอนุรักษ์นิยมอาจจะคาดหวังว่าหากสงครามเช่นนี้เกิดขึ้น
จริง ก็จะยิ่งทำให้ขบวนการ “อนุรักษ์นิยม-ชาตินิยม” มีความเข้มแข็งมากขึ้น และ
ยังจะเป็นโอกาสของการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เท่าๆ กับเป็น
โอกาสที่เปิดทางให้กองทัพกลับเข้าสู่การเมืองเต็มรูปอีกครั้งด้วย
แม้ความขัดแย้งจะไม่ได้จบลงด้วยสงครามใหญ่ระหว่างไทยกับกัมพูชา แต่ก็
เกิดการรบในสองพื้นที่ที่จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์ในช่วงต้นปี พ.ศ.
2554 สุดท้ายแล้วปัญหาถูกทำให้ต้องจบลงด้วยการ “ตีความ” ของศาลยุติธรรม
ระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในช่วงปี พ.ศ. 2556 ซึ่งหลังจากการตีความของ
ศาลโลกเกิดแล้ว กลุ่มอนุรักษ์นิยมดูจะยอมรับกับสภาพที่เกิดขึ้น อย่างน้อยไทย
ก็ไม่ได้สูญเสียพื้นที่จนกลายเป็นการ “เสียปราสาทพระวิหารครั้งที่ 2” ในขณะ
เดียวกันพวกเขาก็ดูจะยอมรับความเป็นจริงว่า เมื่อระยะเวลาหลังจากการปลุก
ระดมใหญ่ในปี พ.ศ. 2551 ผ่านไปมากขึ้น ลัทธิชาตินิยมไม่สามารถถูกยกขึ้นสู่
“กระแสสูง” ได้แต่อย่างใด แม้พวกเขาจะประสบความสำเร็จในช่วงต้น แต่สุดท้าย
แล้ว กระแสชุดนี้ไม่ได้กลายเป็นปัจจัยในการทำลายระบอบประชาธิปไตย เช่น
ความหวังของกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วนที่คาดว่า กระแสชาตินิยมจะเป็นแรงขับ
เคลื่อนให้กองทัพออกมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็กลายเป็นความคาดหวัง
ที่ไม่เป็นจริงแต่อย่างใด วิกฤตการณ์ปราสาทพระวิหารรอบ 2 ผ่านไปโดยรัฐบาล
พลเรือนสามารถอยู่รอดได้
รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ดูจะโชคดีที่สามารถพา
ตัวเองรอดวิกฤตใหญ่ 2 ชุด (วิกฤตน้ำท่วมและวิกฤตพระวิหาร) มาได้โดยไม่ต้อง
ถูกกดดันจนนำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาลในแบบรัฐประหารเงียบ หรือไม่ถูก
รัฐประหารเพื่อล้มรัฐบาลโดยตรง แต่การรอดมาได้เช่นนั้น ก็มีวิกฤตใหญ่รออยู่
ข้างหน้าอีก สถานการณ์ชุดใหม่เกิดขึ้นจากข้อเสนอของรัฐบาลในการผลักดัน
33 รายละเอียดผลตอบแทนจากสงครามอินโดจีนในปี พ.ศ. 2484 โปรดดูใน สุรชาติ
บำรุงสุข, ภูมิศาสตร์แห่งความขัดแย้ง: ทฤษฎีและกรณีไทยกัมพูชา ; ไทยสมัยสร้างชาติ
ที่ระลึกงานฉลองวันชาติ 2484 (กรุงเทพฯ: กรมยุทธการทหารบก, 2552).
สถาบันพระปกเกล้า