Page 81 - kpi16607
P. 81

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย





                   นำพากับกฎกติกาประชาธิปไตยที่รัฐบาลควรมาจากการเลือกตั้ง...ความวุ่นวาย

                   ทางการเมืองมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น


                         ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้นำทหารสายอนุรักษ์นิยมที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาล
                   ก็เริ่มเปิดตัว แม่ทัพกองทัพภาคที่ 3 (พล.ท. สพรั่ง กัลยาณมิตร) ประกาศ
                   ต่อต้านรัฐบาล และขณะเดียวกันก็มีผู้นำทหารอื่นแสดงท่าทีต่อต้านรัฐบาลเช่นกัน
                   แม้จะไม่มีลักษณะที่เปิดเผยในแบบของแม่ทัพภาคที่ 3 หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศ

                   ที่ระบอบประชาธิปไตยมีความเข้มแข็ง (คืออยู่ในสภาพที่ทฤษฎีเรียกว่ามี
                   “Democratic Consolidation”) รัฐบาลก็คงออกคำสั่ง “ปลด” ผู้นำทหารเช่นนี้

                   แต่ในกรณีของไทย รัฐบาลไม่เพียงแต่จะทำอะไรไม่ได้เท่านั้น หากรัฐบาลพลเรือน
                   ยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากของผู้นำทหาร ซึ่งนักวิชาการอย่าง Samuel
                   Finer เรียกบทบาทของผู้นำทหารที่แสดงออกในลักษณะเช่นนี้ว่า ทหารกำลัง
                   “blackmail” รัฐบาลพลเรือน ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการแทรกแซงของทหาร

                   โดยการแสดงบทบาทเป็น “ผู้กดดัน” ต่อรัฐบาลโดยตรง หรืออาจจะเรียกว่าเป็น
                   “unwarranted pressure” กับรัฐบาลพลเรือนนั่นเอง 28
                          3


                         วิกฤตการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ค่อยๆ พาการเมืองไทยไปสู่จุดที่ผู้นำทหาร
                   เริ่มคิดที่จะเข้ามาเป็น “ผู้ควบคุมสถานการณ์” ความขัดแย้งและการแบ่งข้างที่เกิด

                   ขึ้นระหว่างฝ่าย “สนับสนุนทักษิณ” กับฝ่าย “ต่อต้านทักษิณ” มีแนวโน้มจะขยาย
                   ความรุนแรงมากขึ้นได้นั้น ได้กลายเป็น “หน้าต่างแห่งโอกาส” อีกครั้งสำหรับ
                   ผู้นำทหารในการเข้าแทรกแซงทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาสร้างความ
                   ชอบธรรมด้วยการนำเสนอวาทกรรม “ป้องกันความแตกแยก” และการ “ป้องกัน

                   การตีกัน” ของฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านทักษิณ จนในที่สุดกองทัพ “จำต้อง”
                   ออกมายึดอำนาจจากรัฐบาลในวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549  29


                         ไม่น่าเชื่อว่าแม้กองทัพจะพ่ายแพ้ทางการเมืองถึง 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2516
                   และปี พ.ศ. 2535 แต่กองทัพก็ยังมีพลังที่จะทำการยึดอำนาจอีกครั้งในปี

                      28   ดูบทบาทในลักษณะนี้ได้ในบทที่ 10 ของ Samuel E. Finer, The Man on Horseback:
                   The Role of the Military in Politics,  pp. 143-163.

                      29   ดูเรื่องรัฐประหาร พ.ศ. 2549 กับการเมืองไทยใน สุรชาติ บำรุงสุข, “อนาคต
                   ประชาธิปไตยไทย,” จุลสารความมั่นคงศึกษา 32 (มกราคม 2551).



                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า
   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86