Page 75 - kpi16607
P. 75
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
สถานะที่สำคัญของกองทัพในทางการเมืองจะหมดไป กล่าวคือแม้สงคราม
22
คอมมิวนิสต์จะยุติไปแล้ว แต่สถานะทางการเมืองของทหารกลับไม่ได้หมดไปด้วย
ดังจะเห็นได้ว่าแม้จะต้องพ่ายแพ้ทางการเมืองจากการลุกขึ้นสู้ของประชาชน
ครั้งใหญ่ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535 แต่กองทัพก็ไม่เคยต้องถูก “จัดใหม่”
แต่อย่างใด แม้ในช่วงต้นหลังเหตุการณ์ 2535 ผู้นำทหารอาจจะเป็นผู้ต้องรับผล
กระทบในแบบของการ “แซงชั่นทางสังคม” อยู่บ้าง แต่ในเชิงสถาบันแล้ว องค์กร
ทหารกลับไม่ได้ถูกดำเนินการอย่างใดทั้งสิ้น ระยะเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย
ครั้งแรกยุคสงครามเย็นผ่านไปโดยคง “สถานะเดิม” ของกองทัพไว้ในการเมือง
ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นเลยบนถนนราชดำเนินในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2535
เมื่อสงครามคอมมิวนิสต์ยุติลง ชุดความคิดทหารในการต่อต้าน
คอมมิวนิสต์ก็สิ้นสุดลงด้วย แต่ชุดความคิดเดิมในฐานะของ “แกนกลาง” ความ
คิดของกลุ่มอนุรักษ์นิยมไทยไม่ได้หมดบทบาทไปแต่อย่างใด และที่สำคัญก็คือ
ชุดความคิดแบบเดิมก็ไม่ได้ลดทอนความสำคัญลงแต่อย่างใด แม้ครั้งนี้จะไม่มี
ภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ก็ตาม ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ทางทฤษฎีที่
นักวิชาการอเมริกันอย่างแซมมวล ฮันติงตัน (Samuel Huntington) เรียก
ปรากฏการณ์ในช่วงระยะเวลาเช่นนี้ว่าเป็น “คลื่นลูกที่สาม” ของกระแส
ประชาธิปไตย (The Third Wave of Democratization) ซึ่งก็อาจกล่าวได้ว่า
23
การเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในไทยก็อยู่ในกระแสเช่นนี้ด้วยนั้น บทบาท
ของกองทัพกลับไม่ได้ถูก “ปรับเปลี่ยน” ให้รองรับต่อความเปลี่ยนแปลงทาง
การเมืองระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด... กองทัพไทยดำรงอยู่อย่าง
ไม่เปลี่ยนแปลงในโลกาภิวัตน์ ไม่ว่าจะเป็นการจัดองค์กรใหม่เพื่อรับกับโลกยุคหลัง
สงครามเย็น หรือการจัดบทบาททางการเมืองใหม่เพื่อรับกับโลกที่เป็นเสรีนิยม
มากขึ้นภายใต้การขับเคลื่อนของ “กระแสประชาธิปไตย” ในยุคโลกาภิวัตน์
22 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน สุรชาติ บำรุงสุข, ทหารกับการเมืองในศตวรรษหน้า:
พัฒนาการและความเปลี่ยนแปลง (กรุงเทพฯ: สถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ, 2543) ; สุรชาติ บำรุงสุข, เสนาธิปไตย: รัฐประหารกับการเมืองไทย
(กรุงเทพฯ: มติชน, 2558).
23 Samuel P. Huntington, “Democracy’s Third Wave,” Journal
of
Democracy
2, 2
(Spring 1991): 12-34.
สถาบันพระปกเกล้า