Page 70 - kpi16607
P. 70
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
นั้น ได้รับเอาจุดยืนในแบบอนุรักษ์นิยม ที่มองว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นภัยคุกคาม
หลักเข้ามาเป็นแกนกลางของชุดความคิดทหาร ดังนั้นในยุคสงครามเย็น
14
อุดมการณ์ทหารจึงมีองค์ประกอบ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ “ชาตินิยม-เสนานิยม-
ต่อต้านคอมมิวนิสต์นิยม” (หรืออาจจะใช้คำว่า “ตะวันตกนิยม” แทนคำว่า
“ต่อต้านคอมมิวนิสต์นิยม” เพราะผู้นำทหารเดินไปในทิศทางเดียวกันกับนโยบาย
ของโลกตะวันตก ซึ่งในทางยุทธศาสตร์ก็คือ นโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์)
แนวคิดของการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็นยังมีการขยายความ
ให้ครอบคลุมบริบทของการเมืองไทย ที่มีการฟื้นตัวของกลุ่มอำนาจเก่าหลังจาก
ความสำเร็จของการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2490 แล้ว แม้ผู้นำการรัฐประหาร
2490 กลุ่มนี้จะไม่สามารถถอยประเทศไทยกลับสู่ยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์
อีกครั้ง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการทำให้อุดมการณ์ของ
คณะ 2475 นั้น สิ้นสุดลงโดยปริยาย แม้ผู้นำทหารบางส่วนในยุคหลังรัฐประหาร
2490 จะเคยเป็นบุคคลในคณะราษฎร แต่พวกเขาในยุคหลังรัฐประหาร 2490
2 แล้วก็ไม่เคยกล่าวถึงอุดมการณ์ 2475 อีกต่อไป การละทิ้งอุดมการณ์นี้ทำให้
ผู้นำทหาร เช่น จอมพล ป. หันกลับไปเป็น “พันธมิตรทางการเมือง” กับกลุ่ม
อนุรักษ์นิยมที่กำลังฟื้นอำนาจในการเมืองไทย 15
ดังนั้น ผลจากการฟื้นตัวของกลุ่มอนุรักษ์นิยมหลังปี พ.ศ. 2490 ทำให้
ทหารถูกกล่อมเกลาให้ยอมรับบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น
ต่างจากกระบวนการหล่อหลอมทางสังคมในยุคหลัง 2475 อย่างมาก อันส่งผลให้
ผู้นำทหารไทยที่ขึ้นสู่อำนาจหลังจากรัฐประหารใน พ.ศ. 2500 และ 2501 อย่าง
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีความยึดโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมี
นัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากการฟื้นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ หลายอย่าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลง “วันชาติ” จากวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันที่
5 ธันวาคมของทุกปี กล่าวคือให้ถือว่าวันชาติคือวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของ
14 ดูทัศนะต่อภัยคุกคามของผู้นำทหารไทยในยุคสงครามเย็นใน Surachart Bamrungsuk,
United States Foreign Policy and Thai Military Rule, 1947-1977.
15 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ประวัติการเมืองไทย (กรุงเทพฯ:
ดอกหญ้า, 2538).
สถาบันพระปกเกล้า