Page 74 - kpi16607
P. 74
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้สงครามเย็นจะยุติลงในปี พ.ศ. 2532/33 แต่การปฏิรูป
กองทัพไทยในบริบทของยุทธศาสตร์ทหารก็ไม่ได้เกิดขึ้นเช่นที่เกิดขึ้นในหลายๆ
ประเทศในยุคหลังสงครามเย็น 20
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เมื่อสงครามคอมมิวนิสต์ยุติลงทั้งในระดับของประเทศ
อันได้แก่ การยุติสงครามภายในจากปฏิบัติการทางทหารของพรรคคอมมิวนิสต์
แห่งประเทศไทย หรือในระดับภูมิภาคซึ่งได้แก่ การถอนตัวของกองทัพเวียดนาม
ออกจากกัมพูชา และต่อมาเวียดนามได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน
ปรากฏการณ์เช่นนี้เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณอย่างเด่นชัดว่า สงครามเย็นใน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สิ้นสุดลง คู่ขนานกับการยุติของสงครามเย็นใน
เวทีโลก และเช่นเดียวกันสงครามเย็นในบ้านก็ยุติลงจริงๆ อันส่งผลให้ภัยคุกคาม
ของลัทธิคอมมิวนิสต์หมดสภาพลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหมดพลังของกองทัพ
ปลดปล่อยแห่งประเทศไทย (ทปท.) หรือการหมดพลังการคุกคามของกองทัพ
เวียดนาม สภาพเช่นนี้ทำให้โลกหลังสงครามเย็นเป็นโลกที่ไร้ภัยคุกคามทางทหาร
ในแบบเดิม ยุคหลังสงครามเย็นของไทยจึงเป็นช่วงเวลาที่ภัยคุกคามได้
เปลี่ยนแปลงไป ไทยกลับต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ๆ ซึ่งก็คือการที่ปัญหาความ
มั่นคงไทยมีความหลากหลาย ปัญหาภัยคุกคามไม่ได้รวมศูนย์อยู่กับ “ความกลัว
คอมมิวนิสต์”
สภาพเช่นนี้ทำให้บรรดาชนชั้นนำหมดความกลัวลัทธิคอมมิวนิสต์ในฐานะ
ภัยคุกคามหลักลง ความกลัวที่หมดไปเช่นนี้ทำให้พวกเขายอมรับระบอบ
ประชาธิปไตยได้มากขึ้น และขณะเดียวกันพวกเขาก็ลดความจำเป็นในการต้อง
21
พึ่งพากองทัพในการ “ค้ำประกัน” ด้านความมั่นคงลงด้วย แต่ก็มิได้หมายความว่า
20 ดูข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปกองทัพของผู้เขียนได้ใน สุรชาติ บำรุงสุข, ยกเครื่องเรื่องทหาร:
ข้อคิดสำหรับกองทัพไทยในศตวรรษที่ 21 (กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกริก, 2540) ; สุรชาติ
บำรุงสุข, นวัตกรรมทหาร: กองทัพในศตวรรษที่ 21 (กรุงเทพฯ: อนิเมทกรุ๊ป, 2546).
21 Surachart Bamrungsuk, From Dominance to Power Sharing : The Military
and Politics in Thailand, 1973-1992 Ph. D. Dissertation, Columbia University, 1999.
สถาบันพระปกเกล้า