Page 69 - kpi16607
P. 69

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย




                   จากยุคสงครามเย็นถึงยุคหลังสงครามเย็น



                         หลังจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก้าวสู่ยุค “สงครามเย็น”
                   (Cold War) ซึ่งก็คือการกำเนิดของระเบียบโลกชุดใหม่ ที่ภัยคุกคามในเวทีโลก

                   จากเดิมที่เป็นฝ่ายอักษะ ได้เปลี่ยนเป็น “ภัยคอมมิวนิสต์” (Communist threat)
                   หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นโลกของการเผชิญหน้าระหว่างสองอภิมหาอำนาจใหญ่คือ
                   สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ผู้นำทหารไทยที่ขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหาร
                   ในปี พ.ศ. 2490 ได้เปลี่ยนจุดยืนของไทยจากความใกล้ชิดกับฝ่ายอักษะในยุค

                   สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นความใกล้ชิดกับฝ่ายตะวันตกในยุคสงครามเย็น ดังนั้น
                   เมื่อสงครามเย็นคืบคลานเข้าสู่เอเชีย อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
                   ในจีนด้วยชัยชนะของพรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2492 และตามมา

                   ด้วยการตัดสินใจของผู้นำเกาหลีเหนือในการเปิดการรุกทางทหารลงสู่ภาคใต้
                   ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 และนำไปสู่การกำเนิดของสงครามเกาหลี 13


                         ผู้นำทหารไทยตัดสินใจเข้าร่วมกับตะวันตกด้วยการส่งกำลังทหารไทย
                   เข้าร่วมรบในสงครามครั้งนี้ สงครามเกาหลีจึงเป็นดังการประกาศจุดยืนที่ชัดเจน   1
                   ของผู้นำทหารไทยในยุคหลังสงครามโลกว่า พวกเขาพร้อมจะยืนกับประเทศตะวัน

                   ตกในการต่อต้านการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ในเอเชีย และในสภาพเช่นนี้
                   อุดมการณ์แบบเก่าของพวกเขาส่วนหนึ่งก็ค่อยๆ จางหายไป ทหารเริ่มไม่ได้มี
                   หน้าที่เป็นผู้ปกป้องลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมอีกต่อไป หากแต่กองทัพถูกเปลี่ยนแปลง

                   ให้กลายเป็น “นักต่อต้านคอมมิวนิสต์” และมีทัศนะต่อภัยคุกคามในทิศทางเดียว
                   กับโลกตะวันตกที่เชื่อว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นปัญหาหลักของประเทศ อีกทั้ง
                   ในการต่อสู้เช่นนี้มีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเป็นเครื่องมือ ไม่แตกต่างกับ

                   ทัศนะของโลกตะวันตกที่มองเห็นว่าผู้นำทหารมีความเข้มแข็ง และมีความเป็น
                   นักชาตินิยม กลุ่มทหารจึงเหมาะสมที่จะเป็น “พลังหลัก” ในการต่อสู้กับพวก
                   คอมมิวนิสต์ในประเทศโลกที่สาม ซึ่งในกรณีของไทยก็มีความสอดรับกันกับ

                   กระแสต่อต้านคอมมิวนิสต์ในเวทีโลก เพราะผู้นำทหารไทยในยุคหลังสงครามโลก


                   
  13   ดูความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างไทยกับโลกตะวันตกในยุคสงครามเย็นใน Surachart
                   Bamrungsuk, United States Foreign Policy and Thai Military Rule, 1947-1977
                   Master of Arts Thesis, Cornell University, 1985.




                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74