Page 61 - kpi16607
P. 61
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ฉะนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า พัฒนาการของกองทัพสยามจากยุคเก่า เช่น
จากสมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์นั้น มีความเปลี่ยนแปลงในลักษณะ
ที่เป็น “กองทัพสมัยใหม่” (Modern Army) น้อยมาก จนกระทั่งในยุคอาณานิคม
ที่มีการเข้ามาของมหาอำนาจตะวันตก สยามจึงเริ่มตระหนักว่า กองทัพแบบเก่า
ไม่อาจเทียบเคียงได้กับกองทัพสมัยใหม่ หรือในขณะนั้นสำหรับผู้คนในแถบนี้ก็คือ
“กองทหารอาณานิคม (Colonial Army) และกองทหารนี้ก็คือหนึ่งในความเป็น
“สมัยใหม่” ของโลกตะวันตกที่ปรากฏให้บรรดาผู้ปกครองในพื้นที่แถบนี้ได้เห็น
ซึ่งปรากฏการณ์ทางทหารใหม่เช่นนี้ ใช่ว่าจะมีแค่เพียงอาวุธที่เป็นปืนและปืนใหญ่
เท่านั้น หากแต่ยังเห็นได้ถึงการจัดองค์กรทหารสมัยใหม่ (Modern Military
Organization) ซึ่งต่างอย่างมาก หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “ทันสมัย” อย่างมาก
เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดกองทัพแบบเก่าของบรรดากษัตริย์ทั้งหลาย และ
เช่นเดียวกันกับความเปลี่ยนแปลงของกองทัพสมัยใหม่ สงครามที่ปรากฏในยุคนี้
ในพื้นที่โพ้นทะเลนอกยุโรปนั้น การรบก็แตกต่างออกไปจากการสงครามแบบเก่า
อย่างมาก สงครามอาณานิคมไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก
ทางทหาร ที่มีความเหนือกว่าของบรรดารัฐมหาอำนาจตะวันตกเท่านั้น หากแต่ยัง 3
บ่งบอกถึงความเหนือกว่าของกองทัพสมัยใหม่ต่อกองทหารแบบเก่าของผู้ปกครอง
ของชนพื้นเมืองเดิมอีกด้วย
จากเงื่อนไขเช่นนี้ “การรบ” หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการขยายอำนาจของรัฐ
มหาอำนาจตะวันตกในดินแดนโพ้นทะเล จึงมักจะจบลงด้วยการทำลายพลังทาง
ทหารของชนพื้นเมือง กองทัพแบบเก่าไม่มีขีดความสามารถทางทหารเพียงพอต่อ
การเอาชนะกองทหารอาณานิคมได้เลย กองทัพสมัยใหม่มีทั้งอาวุธและการจัด
องค์กรที่มีความทันสมัยมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด และสงครามเช่นนี้ก็จบลง
ด้วยการผนวกดินแดนและจัดพื้นที่การปกครองที่ถูกยึดครองในรูปแบบของ
“รัฐอาณานิคม” ปรากฏการณ์เช่นนี้ให้คำตอบอย่างชัดเจนว่า กองทัพแบบเก่า
ที่เคยเข้าสู่สนามรบมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาไม่อาจรับมือกับการโจมตีของ
กองทัพสมัยใหม่ของเจ้าอาณานิคมได้แต่อย่างใด และคำตอบที่ชัดเจนสำหรับ
สยามก็คือ สงครามระหว่างอังกฤษกับพม่าครั้งที่ 1 ระหว่าง พ.ศ. 2366-2369
(The First Anglo-Burmese War, 1823-1826) จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ
สถาบันพระปกเกล้า