Page 194 - kpi16607
P. 194
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
4. อนาคตของการกระจายอำนาจ: ดุลยภาพและดุลอำนาจใหม่
อนาคตของการกระจายอำนาจที่ควรจะเป็นย่อมต้องมีการจัดสรรดุลอำนาจ
ระหว่างรัฐ ท้องถิ่น และประชาชนให้มีความชัดเจนมากขึ้น และพยายามขยาย
ขอบเขตของการกระจายอำนาจที่มีอยู่เดิมเพื่อให้ท้องถิ่นกลายเป็น “องค์กรหลัก”
ของการจัดบริการสาธารณะ ซึ่งทิศทางและข้อเสนอการปฏิรูปที่ดำเนินการโดย
คณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และการ
จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญก็เล็งว่า
ต้องลดการรวมศูนย์อำนาจของส่วนกลางและเพิ่มอำนาจให้กับองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นมากขึ้น รวมถึงคณะกรรมาธิการปฏิรูปในด้านอื่นก็ให้ความสำคัญ
ต่อการกระจายอำนาจว่าเป็นกุญแจสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาในหลายด้าน เช่น
การปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน การปฏิรูปทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม การปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและ
ผู้ด้อยโอกาส เป็นต้น ทำให้การร่างรัฐธรรมนูญและการผลักดันเพื่อปฏิรูป
1 การปกครองท้องถิ่นไทยจึงมีความสอดคล้องต้องกันในเชิงหลักการ 36
ดังนั้นด้วยทิศทางข้อเสนอการปฏิรูปและการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญเพื่อการ
กระจายอำนาจจึงมุ่งจัดดุลอำนาจจากเดิมที่ถือครองและควบคุมโดยส่วนกลางไปสู่
ท้องถิ่นและประชาชน แก้ไขข้อบกพร่องของการกระจายอำนาจที่ผ่านมาและ
พยายามพัฒนาวิธีการและเครื่องมือใหม่ ๆ ที่จำเป็น “เพื่อเอาอำนาจการ
แก้ปัญหาไปไว้ใกล้ปัญหา” และ “สร้างสำนึกความเป็นเจ้าของของประชาชน
ในการจัดการตนเอง” โดยผู้เขียนเห็นว่าทิศทางการปฏิรูปอยู่ภายใต้หลักการใหม่
ที่เป็นหลักคิดเบื้องหลังสำคัญ 2 ประการ คือ
1) การให้องค์การบริหารท้องถิ่นเป็นหน่วยงานหลักในการจัดบริการ
สาธารณะที่มีอิสระและมีอำนาจในการตัดสินใจ คือ จากเดิมที่มอง
ว่าองค์กรบริหารท้องถิ่นเป็นเพียงหน่วยงานรองที่ต้องรอรับการ
ถ่ายโอนอำนาจและภาระของการจัดบริการสาธารณะจากหน่วยงาน
36 Tanchai, Woothisarn. (2015) Decentralization and Local Governance in
Thailand: Trends Reforms and Ideas. Ibrd.
สถาบันพระปกเกล้า