Page 190 - kpi16607
P. 190
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ข้อจำกัดทางกฎหมายในการรวบรวมผู้เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
ที่ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในองค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้การหารายชื่อเพื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
จึงทำได้ยากใน อปท. ที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น ข้อมูลจำนวนผู้มี
สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ในแต่ละจังหวัด
เป็นข้อมูลเปรียบเทียบ ซึ่งจากการประมาณการพบว่าจากค่าเฉลี่ย
ทุกจังหวัดต้องใช้จำนวนผู้เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติสูงถึง 304,802 คน
โดยจังหวัดที่ใช้จำนวนผู้เข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติต่ำที่สุดคือจังหวัดระนอง
ก็ต้องใช้รายชื่อมากถึง 59,768 คน ส่วนจังหวัดที่ใช้ผู้เข้าชื่อเสนอ
มากที่สุดคือกรุงเทพมหานครจำนวน 2,130,475 คน เป็นต้น
2) การถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่น คณะผู้บริหารท้องถิ่น และผู้บริหาร
ท้องถิ่น โดยประชาชน พบว่าในช่วง พ.ศ. 2546-2554 มีการเสนอ
ยื่นถอดถอนเป็นจำนวน 13 ครั้ง แต่สามารถยื่นถอดถอนได้สำเร็จ
1 2 4 ครั้ง ส่วนที่ไม่ประสบความสำเร็จเกิดจากการมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง
กึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิภายในพื้นที่จำนวน 6 ครั้ง มีจำนวนผู้เห็นด้วย
ในการถอดถอนไม่ถึง 3 ใน 4 ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิทั้งหมด 2 ครั้ง
การที่มีจำนวนผู้เข้าชื่อเพื่อเสนอถอดถอนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ถึง
ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 1 ครั้ง ในขณะที่เมื่อเทียบกับการเสนอ
ชื่อเพื่อถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในระดับชาติกลับยังไม่
ประสบความสำเร็จในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งเลย
3) การทำประชามติ พบว่าจากการสำรวจอปท. ทั้งหมด 110 แห่งเคยมี
การเสนอการทำประชามติจากประชาชนทั้งสิ้น 98 แห่ง (อบจ.
11 แห่ง เทศบาลนคร 3 แห่ง เทศบาลเมือง 8 แห่ง เทศบาลตำบล
16 แห่ง และ อบต. 60 แห่ง) ซึ่งการทำประชามติมักนิยมทำ
29
ในระดับ อบต.และเทศบาลตำบล
29 อ้างแล้ว. ภาคผนวกบทที่ 15
สถาบันพระปกเกล้า