Page 191 - kpi16607
P. 191
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
4) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและคณะผู้บริหารท้องถิ่น พบว่า
การเลือกตั้งกลายเป็นช่องทางสำคัญในการเรียกร้องและผลักดัน
ความต้องการของประชาชนในหลายพื้นที่ ประชาชนจะพิจารณาถึง
ความสามารถของผู้สมัครในการดำเนินงานการพัฒนาและเครือข่าย
ของผู้สมัครที่จะทำงานให้ท้องถิ่นมาก แม้ว่าในหลายพื้นที่จะยังมีการ
ซื้อสิทธิขายเสียงและการใช้ระบบอุปถัมภ์ แต่อาจกล่าวได้ว่าในบาง
พื้นที่การซื้อเสียงและระบบอุปถัมภ์ไม่ใช่ปัจจัยชี้ขาดในการชนะ
เลือกตั้งถ้าตัวผู้สมัครได้ได้สร้างผลงานที่ประจักษ์ชัด นอกจากนี้
ประชาชนในท้องถิ่นมีความคุ้นชินในระบบเลือกตั้งและการแข่งขัน
ทางการเมืองมากขึ้นจากความถี่ของการเลือกตั้งและบางพื้นที่มีจำนวน
ผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งสูงกว่าการเลือกตั้งในระดับชาติ เช่น การ
เลือกตั้งท้องถิ่นของจังหวัดลำพูน พ.ศ. 2546-2553 มีการจัดเลือกตั้ง
ทั้งหมด 198 ครั้ง และมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเฉลี่ยร้อยละ 80.06
เป็นต้น 1 3
การกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไทยยังมีปัญหาและ
อุปสรรคเพราะการกระจายอำนาจได้เปลี่ยนดุลอำนาจระหว่างรัฐ ท้องถิ่น และ
ประชาชนจนทำให้เกิดตัวแสดงทั้งจากฝ่ายท้องถิ่นและประชาชนเข้ามามีบทบาทใน
การกำหนดทิศทางการเมืองหรืออาจสร้างความแตกแยกขึ้นได้โดยง่ายซึ่งเป็น
คุณลักษณะปกติของประชาธิปไตย ณัฐกร วิทิตานนท์ (2553) ได้ชี้ถึงเหตุผล
ของฝ่ายคัดค้านการกระจายอำนาจมักมองว่า “การเร่งรัดการกระจายอำนาจสู่
ท้องถิ่นในสังคมไทยกลับยังคงดำรงอยู่แข็งขัน เป็นต้นว่าอาจจะนำมาซึ่งความ
แตกแยกรุนแรงในท้องถิ่น ประชาชนยังไม่พร้อม หรือไม่ก็กลัวว่าเจ้าพ่อจะชนะ
การเลือกตั้ง กอปรกับได้มีข่าวคราวเกี่ยวกับอาชญากรรมรุนแรงที่เกิดกับ
เหล่านักการเมืองท้องถิ่นปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวันอยู่โดย
ตลอด ชวนให้ผู้คนเห็นคล้อยตามเป็นอย่างยิ่งด้วยเหตุนี้เองการเมืองท้องถิ่น
ณ เวลานี้จึงเต็มไปด้วย ‘เลือด’ ในสายตาของหลายๆ คน”
แต่โดยทั่วไปปัญหาการกระจายอำนาจที่นักวิชาการและผู้ที่เกี่ยวข้องส่วน
ใหญ่จะเกี่ยวข้องใน 3 ประเด็น ได้แก่
สถาบันพระปกเกล้า