Page 153 - kpi16607
P. 153

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย





                         สาเหตุหลักๆ ของความขัดแย้งทางการเมืองมักจะเป็นในเรื่องของอำนาจ

                   ความเป็นธรรม ผลประโยชน์ ความชอบธรรมและคุณค่า ผมมีความเชื่อที่ยังไม่มี
                   ข้อพิสูจน์ว่า เราขัดแย้งกันในเรื่องความชอบธรรมและคุณค่า ซึ่งเป็นนามธรรม
                   และยากที่จะแสดงออกอย่างชัดเจนได้ เราจึงหันมาทะเลาะกันในเรื่องอำนาจ สิทธิ

                   และความเป็นธรรม ตลอดจนผลประโยชน์ ประเด็นที่ทะเลาะกันก็พัฒนาจนกลาย
                   เป็นความขัดแย้งยกระดับ (meta-conflict) คือเราลืมเรื่องลึก ๆ หรือเรื่องที่เรา
                   ตั้งต้นทะเลาะกัน แล้วเอาเรื่องสืบเนื่องที่ทะเลาะกันต่อมาเป็นเกณฑ์ และพัลวัน

                   กันไปเรื่อย ๆ เราอาจทะเลาะกันในเรื่องที่เราเห็นคุณค่าหรือสิ่งที่เคารพสูงสุด
                   แตกต่างกันไป หรือมีลำดับความสำคัญที่ไม่เหมือนกัน แล้วเราก็โกรธเคืองกัน
                   ในความไม่เหมือนกันนั้น


                         ถ้าวิเคราะห์ตัวละครได้ถูก มองหาสาเหตุได้ใกล้เคียงความจริง ก็น่าจะง่าย
                   ใช่ไหมที่จะชวนภาคีความขัดแย้งมาสานเสวนา (engage in dialogue) กัน

                   แต่อันที่จริงมันยากกว่าที่คิดนัก เหมือนมีม่านมาบังตา มีมือที่มองไม่เห็นมาปิดหู
                   ปิดใจ เรื่องเหล่านี้จึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว ยังมี  14
                   เรื่องของจิตใจที่ละเอียดอ่อนด้วย เราจึงต้องค่อย ๆ คิดหาหนทางสู่การปรองดอง

                   โดยไม่อาจมีความมั่นใจไว้ล่วงหน้า



                   6. พลวัตและอุปสรรคต่อการปรองดอง



                         ความขัดแย้งมีอยู่ทุกแห่งหน จะห้ามไม่ให้มีก็ไม่ได้ แต่ก็เป็นอนิจจังคือ
                   ไม่เที่ยง ศัพท์ที่ขอใช้ในที่นี้คือ ความขัดแย้งมีพลวัตของมัน เช่น ขอสันนิษฐานว่า
                   เราแทบจะลืม (หรือไม่ตระหนักรู้ถึง) ข้อขัดแย้งที่มีมาแต่เดิม (หรือที่อยู่ใน
                   ส่วนลึก) เพราะนัวเนียอยู่กับความขัดแย้งยกระดับ เราได้สังเกตแล้วว่า

                   การเปลี่ยนแปลงมักเป็นวัฏจักรหรือเป็นวง หรือเวียนกลับมาอยู่เรื่อยแบบ
                   ปฏิจจสมุปบาทซึ่งอธิบายถึงกรรมที่ก่อให้เกิดวิบากไปเรื่อย ๆ นั่นเอง เราได้กล่าวถึง
                   วงจรแห่งรัฐประหารและวัฏจักรแห่งความไม่ไว้วางใจมาบ้างแล้ว ในที่นี้จะขอกล่าว

                   ถึงปัจจัยการขับเคลื่อนทางสังคม และใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ในระดับทัศนคติ
                   และความเชื่อ ซึ่งเป็นระดับสำคัญในความขัดแย้งปัจจุบัน ปัจจัยดังกล่าวคือการใช้
                   เรื่องเล่า (narratives) เรื่องราว (story) อุปมา (metaphor) และวาทกรรม




                                                                                   สถาบันพระปกเกล้า
   148   149   150   151   152   153   154   155   156   157   158