Page 148 - kpi16607
P. 148
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
การเมืองที่พอจะเป็นตัวแทนของชนชั้นได้ เช่น เป็นตัวแทนชนชั้นบนหรือตัวแทน
ชนชั้นล่าง หรือไม่ก็เป็นตัวแทนของอุดมการณ์ทางการเมือง เช่นเสรีนิยมหรือ
สังคมนิยมหรือนิเวศนิยม หรือไม่ก็เป็นตัวแทนของวิถีชีวิตชุมชนและการอนุรักษ์
วัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติหรือตัวแทนของผู้นิยมการเปลี่ยนแปลงให้ทัน
สมัย เป็นต้น การขาดพรรคการเมืองที่มีคุณภาพทำให้การพัฒนาการเมืองมา
ติดขัดที่คุณภาพของนักการเมืองและนโยบายทางการเมือง
4. การพิจารณาการปรองดองโดยมองย้อนมิติทางวัฒนธรรม
มรดกทางสังคมการเมืองของไทยได้แก่ วัฒนธรรมอุปถัมภ์ การรวม
ศูนย์อำนาจ ช่องว่างหรือความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม ประวัติศาสตร์
ความเป็นมาและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคซึ่งถูกละเลยโดยรัฐส่วน
กลาง แต่เดิมนั้น เราไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคทาง
140 กฎหมาย เราจะมีก็แต่สิ่งที่เรียกว่า “ระบบไพร่” “ระบบขุนนาง” “ระบบ
ศักดินา” หรือ “ระบบเจ้าขุนมูลนาย”
ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นระบอบครองสมบัติ
(patrimonial regime) หมายความว่าเจ้านายถือว่าตนเป็นผู้ครองสมบัติ ตั้งแต่
พระเจ้าแผ่นดิน ไปจนถึงขุนนางในระบบศักดินา ต่างถือว่าตนเป็นเจ้าของที่ดิน
ทั้งหมด ส่วนไพร่คือผู้มาอยู่อาศัยหรือมาทำงานให้แก่เจ้านาย ซึ่งให้ความคุ้มครอง
ในด้านความปลอดภัยเป็นการตอบแทน
ความสัมพันธ์เชิงอำนาจในสังคมไทยเป็นความสัมพันธ์ที่มีการจัดลำดับชั้น
แบบเจ้านาย-ลูกน้อง หรือผู้ใหญ่-ผู้น้อย ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีพันธะต่อกัน และถูก
กำกับโดยศีลธรรม คุณธรรมทางศาสนาและจารีตประเพณี อำนาจแต่เดิมนั้น
ไม่ได้แบ่งกันในแนวนอน หรือแบ่งตามหน้าที่ ทว่าเป็นการแบ่งกันในแนวตั้ง
ในลักษณะใครเล็ก-ใหญ่กว่ากันมากกว่า
สังคมไทยรับพุทธศาสนามาจากประเทศอินเดียและศรีลังกา ในระดับ
ชาวบ้าน พุทธศาสนาถูกเจือด้วยการนับถือผี ไสยศาสตร์ จิตวิญญาณ ฯลฯ
ในระดับสูง พุทธศาสนาถูกเจือด้วยลัทธิพราหมณ์ ที่เน้นลำดับชั้น มีพระราชา
ประทับอยู่สูงสุดบน “เขาพระสุเมรุ”
พุทธศาสนาที่แต่เดิมปฏิเสธวรรณะ และ
สถาบันพระปกเกล้า