Page 146 - kpi16607
P. 146
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ที่กล่าวมาเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางการเมืองในหลายประเทศข้างต้นนี้ ก็หวัง
ที่จะเชิญชวนให้มีการใคร่ครวญและการถกแถลง (deliberation) กันมากยิ่งขึ้น
เกี่ยวกับพัฒนาการที่ผ่านมา และแนวทางการพัฒนาต่อไปของการเมืองไทย
ในทำนองว่าเราได้ผ่านอะไรมาแล้วและมาถึงตรงไหน เผื่อจะเป็นประโยชน์ในการ
มองทิศทางในอนาคตร่วมกันต่อไป โดยหวังว่าการมีมุมมองที่ทอดยาวไปทั้งข้าง
หลังและข้างหน้า จะช่วยลดประเด็นที่จะทะเลาะกันในปัจจุบันลงไปบ้าง จากแบบ
จนเกินไปของฟูกูยามาขางตน ขอใหเราจะมาชวยกันคิดถึงแบบจําลองที่อาจใชไดกับกรณีของไทยดูบาง ใน
จำลองต่าง ๆ ซึ่งย่อมเป็นการทำให้ดูง่ายจนเกินไปของฟูกูยามาข้างต้น ขอให้เรา
ที่นี้ ขอทดลองเสนอแบบจําลองเพื่อการวิพากษวิจารณดังนี้
จะมาช่วยกันคิดถึงแบบจำลองที่อาจใช้ได้กับกรณีของไทยดูบ้าง ในที่นี้ ขอทดลอง
แผนภาพที่ 5 : พัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย
เสนอแบบจำลองเพื่อการวิพากษ์วิจารณ์ดังนี้
แผนภาพที่ 5 : พัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย
พัฒนาการทางการเมืองของประเทศไทย?
13 การสรางรัฐ ปกครองโดยกฎหมาย
การสรางชาติ
การเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลทางลบ
หรือยังไม
การขับเคลื่อนทางสังคม กอผล
การปกครองของกฎหมาย ความไวใจทางสังคม
สภาพขึ้นตอประชาชน พรรคการเมือง
กรณีของประเทศไทยน่าจะมีการเริ่มต้นคล้ายกับประเทศเอเซียตะวันออก
กรณีของประเทศไทยนาจะมีการเริ่มตนคลายกับประเทศเอเซียตะวันออกและเอเซียใต (เชน
และเอเซียใต้ (เช่นอินเดียซึ่งไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้) คือได้รับอิทธิพลจากทั้งจีนและ
อินเดียซึ่งไมไดกลาวถึงในที่นี้) คือไดรับอิทธิพลจากทั้งจีนและอินเดีย แตหลังจากประสบความสําเร็จใน
อินเดีย แต่หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างรัฐ-ชาติดังได้กล่าวแล้วในบทนำ
การสรางรัฐ-ชาติดังไดกลาวแลวในบทนํา ประเทศไทยก็เนนการพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแตป พ.ศ. 2500 โดยมี
ประเทศไทยก็เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 โดยมีอัตราการเติบโต
อัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 5% ตอป ผลสําเร็จในเรื่องนี้ไดชวยสรางชนชั้นกลางในเมืองขึ้นมากอน
โดยเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี ผลสำเร็จในเรื่องนี้ได้ช่วยสร้างชนชั้นกลางในเมือง
ขึ้นมาก่อน ซึ่งได้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ซึ่งไดเรียกรองสิทธิเสรีภาพตั้งแตเหตุการณ 14 ตุลาคม 2516 เรื่อยมา ทําใหเกิดภาคประชาสังคมและและ
เรื่อยมา ทำให้เกิดภาคประชาสังคมและการมีส่วนร่วมทางการเมือง อันเป็น
การมีสวนรวมทางการเมือง อันเปนแรงขับเคลื่อนทางสังคม ซึ่งตามปกตินาจะชวยใหการปกครองมีความ
แรงขับเคลื่อนทางสังคม ซึ่งตามปกติน่าจะช่วยให้การปกครองมีความเป็น
เปนประชาธิปไตยและผูปกครองมีสภาพขึ้นตอประชาชน อยางไรก็ดี การที่รัฐเขมแข็งและรวมศูนยอํานาจ
ไวที่สวนกลาง ทําใหการเดินหนาสูประชาธิปไตยยังมีอุปสรรคอยูอยางมาก ที่สําคัญคือ เรายังไมสามารถ
สรางการปกครองของกฎหมายไดเทาที่ควร ยังมีระบบหลายมาตรฐาน ทั้งในกระบวนการยุติธรรมและ
สถาบันพระปกเกล้า
ระบบใหคุณใหโทษของทางราชการ เปนตน อีกประการหนึ่ง ทัศนคติที่มีตอรัฐบาลไมสูจะดีนัก จริงอยู รัฐ
อาจดูเขมแข็ง แตรัฐบาล (ไมวาทหารหรือพลเรือน) กลับดูไมนาเชื่อถือจนเกิดภาวะสังคมไมไววางใจขึ้นใน
บางภาคสวน ซึ่งหากปลอยไวอาจเกิดเปนวัฏจักรที่ทําใหรัฐบาลมีความออนแอดังแผนภาพตอไปนี้