Page 141 - kpi16607
P. 141
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
วัฏจักรของวิกฤติการเมืองที่ตามด้วยการรัฐประหารอีกครั้งหรือไม่เมื่อไร ดังนั้น
เราจึงควรเริ่มกระบวนการคืนดี-ปรองดองเท่าที่จะทำได้ไปพลาง ๆ แม้จะไม่เข้ากับ
ตำรับตำรามากนัก แต่ก็หวังว่าความคืบหน้าในเรื่องการคืนดี-ปรองดองจะช่วย
ในการแปลงเปลี่ยนความขัดแย้งและการเข้าสู่ความร่วมมือกันอันจำเป็นต่อ
การพัฒนาสันติภาพเชิงบวก
คำว่าคืนดีในพจนานุกรมหมายความว่า “โกรธกันแล้วกลับดีกัน” ส่วน
คำว่าปรองดองหมายความว่า “ออมชอม, ประนีประนอม, ยอมกัน, ไม่แก่งแย่ง
กัน, ตกลงกันด้วยความไกล่เกลี่ย, ตกลงกันด้วยไมตรีจิต” การคืนดี-ปรองดอง
ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สันติภาพ (peacebuilding) เชิงบวก ซึ่งมุ่ง
พิจารณาและแก้ไขสาเหตุทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองของความขัดแย้ง
เพื่อการอยู่ร่วมกันที่สงบสุขและมีเสถียรภาพ การสร้างสรรค์สันติภาพมีมิติ
ทางการเมืองที่รวมถึงการพัฒนาการปกครองของกฎหมาย (rule of law ซึ่งบางครั้ง
ก็แปลว่าหลักนิติธรรม) และการสร้างสถาบันการปกครองที่มีความชอบธรรมและ
มีสภาพขึ้นต่อประชาชน (legitimacy and democratic accountability) เป็นต้น 133
อีกทั้งมีมิติทางสังคมที่รวมถึงการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจ ความยุติธรรมเปลี่ยน
ผ่านและการชดเชย การสานเสวนาในทุกระดับ และการพัฒนาภาคประชาสังคม
ที่สามารถแทนผลประโยชน์ที่หลากหลายและท้าทายอำนาจรัฐได้โดยสันติวิธี
เป็นต้น 1
มีความพยายามที่จะนิยามสารัตถสำคัญของการคืนดี-ปรองดอง เช่น
2
“การคืนดีหมายถึงกระบวนการที่ภาคีความขัดแย้งเข้าสู่การประนอมความขัด
แย้งระหว่างกัน” หรือ “การปรองดองคือความพร้อมที่จะมีความสัมพันธ์อย่าง
สันติบนพื้นฐานความร่วมมือ” การนิยามการปรองดองอาจเน้นบางด้าน เช่น
ในด้านความคิดความเชื่อ เราอาจนิยามการปรองดองว่าหมายถึง “การที่คน
ส่วนใหญ่ในสังคมเปลี่ยนแรงจูงใจ เป้าหมาย ความเชื่อ ทัศนคติ และอารมณ์
1 ดูเรื่อง peacebuilding ได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Peacebuilding
2 Tamar Hermann 2004. “Reconciliation: Reflections on the Theoretical and
Practical Utility of the Term.” In From Conflict Resolution to Reconciliation, ed. Yaacov
Bar-Siman-Tov, pp. 44-46. Oxford: Oxford University Press.
สถาบันพระปกเกล้า