Page 138 - kpi16607
P. 138

ดุลอำนาจ   ในการเมืองการปกครองไทย





               อธิปไตย (คำสอนที่ว่ารัฐเป็นใหญ่เหนือดินแดน) จึงเกิดเป็นแนวคิด “หนึ่งเขต

               ปกครอง-หนึ่งชาติ” ขึ้น คือความพยายามที่จะทำให้คนภายในเขตปกครองหนึ่ง
               มีความกลมกลืนเป็นชาติเดียวกัน ชนชั้นปกครองไทยประสบความสำเร็จในการ
               สร้างรัฐ-ชาติ และทำให้ชาติพันธุ์อื่น เช่น จีน มอญ เขมร กลมกลืนเป็นชาติไทย

               จะไม่สำเร็จก็แต่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ดี ภัยคุกคามทางทหารต่อ
               รัฐ-ชาติไทยได้เปลี่ยนไป เป็นการคุกคามโดยการเปิดตลาดเสรี เป็นการคุกคาม
               ทางวัฒนธรรม หรือเป็นภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างหรือเกิดตามธรรมชาติ เป็นต้น

               กรอบคิดหนึ่งของบทความนี้ก็คือ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมนั้น อาจเคยถูก
               มองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในช่วงการสร้างรัฐ-ชาติ แต่ปัจจุบันความหลากหลาย
               น่าจะเป็นทุนทางวัฒนธรรมมากกว่าจะเป็นภัย ประเด็นแรกที่บทความนี้อยากชวน

               ให้คิดก็คือ การรวมศูนย์อำนาจการปกครองเพื่อสร้างรัฐ-ชาติมีความจำเป็นน้อยลง
               ใช่หรือไม่ เราควรพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมการเมืองพหุนิยมใช่หรือไม่


                     เมื่อกระแสล่าอาณานิคมจางลง กระแสความคิดเรื่องประชาธิปไตยเริ่มเข้า
          130  มาสู่ประเทศ พร้อมกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ประกอบกับระบบราชการ

               ไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ไม่มีเชื้อสายเจ้าเท่าที่ควร ข้าราชการระดับกลางจำนวน

               หนึ่งจึงก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านครั้งที่สอง
               จากราชาธิปไตยสัมบูรณ์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งสร้าง
               วาทกรรมประชาธิปไตย ตามหลัก 6 ประการของคณะราษฎร และสถาปนา

               ระบอบการปกครองแบบรัฐสภาขึ้น โดยอำนาจอธิปไตยมาอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎร
               อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาแปดสิบปีของช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งที่สอง อำนาจที่แท้จริง
               ยังอยู่กับฝ่ายราชการ โดยเฉพาะทหารผู้ถืออาวุธ จนมีคำกล่าวว่า รัฐไทยเป็น

               “รัฐราชการ” (bureaucratic entity)
ในระยะแรกหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง
               อำนาจอยู่ที่คณะราษฎร ซึ่งไม่กลมเกลียวกับฝ่ายราชานิยมเสียทีเดียว จนกระทั่ง
               เมื่อสิ้นยุคของคณะราษฎร ฝ่ายทหารผู้ยึดอำนาจได้ในตอนนั้นก็แสวงความชอบ

               ธรรมเพิ่มขึ้น โดยหันไปเข้ากับฝ่ายราชานิยม และได้สร้างวาทกรรมธรรมาธิปไตย
               หรือการปกครองโดยธรรมขึ้น อย่างไรก็ดี แนวคิดประชาธิปไตยมีความคืบหน้า
               โดยตลอด จากความคิดเรื่องราษฎร (ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญในปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้

               คำว่าพลเมือง ให้สอดคล้องกับทฤษฎีตะวันตกเรื่อง citizenship) มาเป็นความคิด






         สถาบันพระปกเกล้า
   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143