Page 305 - kpi12821
P. 305
ณรงค์เดช สรุโฆษิต
108
ไม่เข้าไปควบคุมตรวจสอบการใช้อำนาจกึ่งตุลาการของ กกต. ซึ่งกรณีเช่นนี้ ย่อม
เท่ากับเป็นการปฏิเสธสิทธิในการต่อสู้คดีของบุคคลในชั้นศาลอย่างเป็นธรรมอันเป็น
หลักพื้นฐานของหลักนิติธรรมในอีกประการหนึ่งด้วย 109
นอกจากนี้ จริงอยู่ที่ประเด็นที่ กกต. ได้วินิจฉัยไว้แล้วคือ “ผู้สมัครของ
พรรคการเมืองกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กกต. จึงสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และ
เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครรายนั้นเป็นเวลา 1 ปี” เป็นประเด็นข้อเท็จจริง
เดียวกันกับคดียุบพรรคการเมืองที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาอยู่ ณ ขณะนั้น แต่
ประเด็นหลักแห่งคดีก็มิใช่ประเด็นเดียวกันเสียทีเดียว เพราะเป็นการปรับบทกฎหมาย
คนละเรื่อง คนละมาตรา และคนละวัตถุประสงค์ มาตรา 239 วรรคหนึ่งนั้น คือ การสั่ง
ให้มีการเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้สมัครที่กระทำผิด ส่วนมาตรา 237
วรรคสอง คือ การสั่งยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหาร
พรรคการเมืองที่เป็นต้นสังกัดของผู้สมัครที่กระทำความผิดดังกล่าว
สมมุติว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่อยากก้าวล่วงเข้าไปรื้อฟื้นผลการวินิจฉัยของ
กกต. ในการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 239 วรรค
หนึ่ง เพราะศาลเห็นว่าเป็นเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้คำวินิจฉัยของ กกต.
เป็นที่สุด แต่กระนั้นก็ดี หากศาลตระหนักและเคารพหลักการแบ่งแยกอำนาจมากกว่านี้
โดยมุ่งเน้นพิเคราะห์ที่สภาพลักษณะองค์กรของ กกต. ซึ่งไม่เข้าข่ายการเป็นองค์กรผู้ใช้
อำนาจตุลาการ และลักษณะความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของการใช้อำนาจที่รวมศูนย์อยู่ใน
องค์กรเดียว อย่างน้อยที่สุด ศาลก็น่าจะตีความให้คำว่า “เป็นที่สุด” ตามมาตรา 239
วรรคหนึ่ง มีผลใช้บังคับอย่างจำกัด กล่าวคือ
เป็นที่สุดเฉพาะผลแห่งคำวินิจฉัยให้มีการเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิ
เลือกตั้งของผู้สมัครรายนั้นเท่านั้น แต่ประเด็นข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยดังกล่าว
ย่อมมิอาจถือเป็นอันยุติ และมีผลผูกพันศาลรัฐธรรมนูญให้ต้องรับฟังตามนั้น
สำหรับการพิจารณาวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมืองตามมาตรา 237 วรรคสอง
108 ทั้งๆ ที่ “บทบาทหน้าที่สำคัญของศาลในระบบกฎหมายที่ยึดถืออุดมการณ์ประชาธิปไตยนั้นคือ
การสงวนและคุ้มครองหลักการแบ่งแยกอำนาจ” และ “การที่ศาลยับยั้งไม่เข้าไปควบคุมตรวจสอบคดีที่อยู่ในเขต
อำนาจกลับกลายเป็นศาลกำลังละเมิดหลักการแบ่งแยกอำนาจเสียเอง”; โปรดดู Aharon Barak, เรื่องเดิม, น.
45 และ น. 49 โดยลำดับ.
109 ชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์, เรื่องเดิม, น. 28.