Page 297 - kpi12821
P. 297

ณรงค์เดช  สรุโฆษิต




                               อย่างไรก็ดี ข้อวิเคราะห์ข้างต้นไม่อาจนำมาใช้กับกรณีกรรมการบริหาร

                    พรรคคนอื่นที่มิได้มีส่วนรู้เห็น มิได้ปล่อยปละละเลยหรือทราบถึงการกระทำผิดแล้วมิได้
                    ยับยั้งแก้ไข และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรรมการพรรคที่ได้กล่าวห้าม ป้องปราม มิให้มีการ
                    กระทำผิด และกรรมการที่ไม่ได้มี “การกระทำ” ใดๆ ในทางกฎหมาย ทั้งกรณีกระทำ
                    การหรือกรณีละเว้นกระทำการ เนื่องจาก


                               ประการแรก มิได้กระทำเท่าที่จำเป็น เพราะกระทบต่อบุคคลอื่นที่มิได้
                    กระทำผิด หรือมีพฤติการณ์ที่กฎหมายถือว่ากระทำผิด เช่น มีส่วนรู้เห็น ปล่อยปละ
                    ละเลย ฯลฯ อันจะถือว่าบุคคลนั้นๆ “ละเว้น” ไม่ทำหน้าที่คือ การควบคุมมิให้ผู้สมัคร

                    ของพรรคกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมือง
                    มาตรา 18 วรรคสองได้


                               ประการที่สอง สมมุติยอมรับว่า รัฐมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเว้น
                    หลักความเสมอภาค ไม่พิจารณาข้อเท็จจริงเฉพาะราย เพื่อลงโทษบุคคลผู้ไม่ทำหน้าที่
                    ดังกล่าว แต่ลำพังเพียงการห้ามเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองอื่น ห้ามจดแจ้งจัด
                    ตั้งพรรคใหม่ หรือแม้แต่ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองและห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง

                    โดยไม่มีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  ก็น่าจะสอดคล้องกับข้อสมมุติเรื่องความจำเป็น
                                                 79
                    ดังกล่าวแล้ว เพราะฉะนั้น การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจึงเป็นการใช้อำนาจรัฐที่เกินกว่า
                    เหตุความจำเป็นที่กล่าวอ้าง


                               และประการที่สาม เมื่อชั่งน้ำหนักระหว่างความร้ายแรงของพฤติการณ์
                    และผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลแล้ว เห็นได้ว่า มิได้สัดส่วนสมดุลกันเลยแม้แต่
                    น้อย เพราะการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนั้นย่อมกระทบไปถึงสิทธิทางการเมืองอื่นๆ เช่น
                    การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย การเข้าชื่อถอดถอนออกจากตำแหน่ง ฯลฯ ของบุคคลนั้นๆ

                    ทั้งหมด

                               ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นว่า การตีความและใช้บังคับกฎหมายให้มีผลเป็นการ

                    เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดทุกคน ขัดต่อหลักความได้
                    สัดส่วน




                       79   โปรดเทียบกรณีการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ หรือยื่นบัญชี
                    ที่มีข้อความเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรง
                    ตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
                    วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 263.
   292   293   294   295   296   297   298   299   300   301   302