Page 288 - kpi12821
P. 288
แนวทางปรับปรุงกฏหมายเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง
กระทำความผิดที่ร้ายแรง...รัฐธรรมนูญ... จึงกำหนดมาตรการป้องกันและกำหนด
วิธีการลงโทษไว้อย่างชัดเจนและเข้มงวด” และการทุจริตเลือกตั้งกระทำด้วยวิธีการ
46
ที่แยบยล จับกุมผู้กระทำผิดได้ยาก ทั้งนี้ เหตุผลในประการหลังเป็นเครื่องบ่งชี้ในตัวเองว่า
ปัญหาส่วนหนึ่งเป็นเรื่องกระบวนการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้เขียน
ก็ไม่แน่ใจว่า มีหลักฐานข้อมูลทางสถิติที่ได้จากการวิจัยเชิงประจักษ์ (Empirical
Research) รองรับการให้เหตุผลเช่นนี้หรือไม่ เช่นเดียวกับข้อมูลสนับสนุนในเรื่องความ
ไร้ประสิทธิภาพของมาตรการลงโทษทางแพ่งและทางอาญาดังกล่าวมาข้างต้น
อนึ่ง แม้ว่าจะมีหลักฐานข้อมูลทางสถิติยืนยันการให้เหตุผลดังกล่าวก็ตาม
แต่มาตรการยุบพรรคการเมืองก็ยังคงมิใช่มาตรการที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพน้อยที่สุด
เพราะการยุบพรรคการเมืองนั้นกระทบต่อเสรีภาพในการดำรงอยู่ของพรรคการเมือง
และเสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคการเมืองของบรรดา
47
สมาชิกของพรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่งมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดด้วยเลย
แต่ทั้งนี้ สมมุติเรายอมรับว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้มาตรการที่รุนแรง ขจัดการ
ซื้อสิทธิขายเสียง และต้องลงโทษกรรมการบริหารพรรคเพราะปล่อยปละละเลยไม่ทำ
หน้าที่ควบคุมกันเองก็ตาม เป้าหมายดังกล่าวก็อาจทำให้บรรลุได้ด้วยการเพิกถอนสิทธิ
เลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเหล่านั้น โดยไม่ต้องสั่งยุบ
48
พรรคการเมือง ซึ่งสมาชิกทุกคนของพรรคย่อมได้รับผลกระทบโดยตรง ดังนั้น การยุบ
พรรคการเมืองในกรณีนี้ จึงไม่สอดคล้องกับหลักความได้สัดส่วนเพราะมิได้มีความ
จำเป็นต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นนั้น
46 คดีพรรคชาติไทย, เรื่องเดิม, น. 96; คดีพรรคมัชฌิมาธิปไตย, เรื่องเดิม, น. 14; คดีพรรคพลังประชาชน,
เรื่องเดิม, น. 20.
47 อย่างไรก็ดี คณะตุลาการรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้ว่า หากพรรคการเมือง “มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมือง
ที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติเพื่อให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้าดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริงหาก
แต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ... [ก็] ไม่อาจดำรงความ
เป็นพรรคการเมืองที่จะสร้างสรรค์และจรรโลงความชอบธรรมทางการเมืองแก่ระบอบการปกครองของประเทศ
โดยรวมได้อีกต่อไป… [แม้] การสั่งยุบพรรคจะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อสมาชิกพรรคทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้อง
นั้น [แต่ก็] เป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค...จะต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อสมาชิกพรรค
ดังกล่าวเอง”; โปรดดู คดีพรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคไทยรักไทย, เรื่องเดิม, เล่ม 1 น. 97.
48 โปรดดู ข้อเสนอข้อ 6 ของคณะกรรมการชุดที่มีศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน
ซึ่งเสนอให้ ให้ยกเลิกการยุบพรรคการเมืองอันเนื่องมาจากการทุจริตในการซื้อสิทธิขายเสียงในการเลือกตั้งแต่ให้
เปลี่ยนบทลงโทษผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ทุจริตการเลือกตั้งโดยตัดสิทธิเลือกตั้งห้าปี ส่วนกรรมการบริหารพรรค
ที่รู้เห็นตัดสิทธิเลือกตั้งสิบปี และหัวหน้าพรรคการเมืองที่รู้เห็นตัดสิทธิเลือกตั้งสิบห้าปี โดยถือว่าเป็นความผิด
เฉพาะบุคคล <http://www.dloc.opm.go.th/Source/TN029.pdf>