Page 127 - kpi12821
P. 127
ณรงค์เดช สรุโฆษิต
ในการวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่มีหลายประเด็น การลงมติต้องกระทำไปทีละ
ประเด็นเป็นลำดับ โดยเริ่มจากประเด็นเกี่ยวกับกระบวนพิจารณาเช่น คำร้องที่ยื่นมายัง
ศาลนั้นเสนอโดยผู้มีสิทธิริเริ่มคดีโดยถูกต้องหรือไม่ เป็นคดีที่มีการฟ้องซ้ำหรือไม่
141
จากนั้น จึงจะวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคดี เริ่มต้นจาก
(ก) ข้อเท็จจริงตามคำร้องและข้อเท็จจริงที่ได้ในทางพิจารณารับฟังได้เป็น
ที่ยุติเช่นไร ซึ่งอาจมีการลงมติวินิจฉัยประเด็นย่อยเป็นรายประเด็นไป
(ข) เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของพรรคและพฤติการณ์หลายๆ อย่าง
ของบรรดาสมาชิกของพรรคการเมืองผู้ถูกร้องมีลักษณะเข้าข่ายการ
พยายามล้มล้างหลักการพื้นฐานของการปกครองระบอบเสรี
ประชาธิปไตย หรือเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของสหพันธ์
สาธารณรัฐเยอรมนีหรือไม่
(ค) หากศาลเห็นจริงเช่นนั้น ศาลต้องลงมติต่อไปว่าจะประกาศให้
พรรคการเมืองหรือเฉพาะแต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของพรรคการเมืองนั้น
มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ จำกัดไว้เฉพาะแต่กรณีที่ส่วนดังกล่าว
มีอิสระทั้งในทางกฎหมายและในเชิงโครงสร้างแยกออกจาก
พรรคการเมืองนั้นได้เท่านั้น ในการนี้ ศาลต้องสั่งยุบพรรคการเมือง
หรือส่วนของพรรคการเมืองดังกล่าวด้วย 142
จากนั้นท้ายที่สุด ศาลจะลงมติว่า (ง) จะให้ยึดทรัพย์สินของพรรคการเมือง
ดังกล่าวหรือไม่ พร้อมๆ กับการสั่งห้ามมิให้การจัดตั้งหรือการใช้พรรคการเมืองอื่น
ทดแทนพรรคที่ถูกยุบไปแล้วในคำวินิจฉัยของศาลด้วย 143
141 เรื่องเดียวกัน, น. 62.
142 BVerfGG, § 46; “การสั่งยุบพรรคการเมืองเป็นผลตามธรรมชาติของการที่ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นที่
ยุติแล้วว่าพรรคการเมืองดังกล่าวมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ” โปรดดู Donald P. Kommers, เรื่องเดิมในเชิงอรรถที่
27, น. 223.
143 BVerfGG, § 46; BVerfGE 2,1; BVerfGE 5,85; นอกจากนี้ ศาลยังอาจสั่งลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐาน
ของกรรมการบริหารหรือสมาชิกพรรคการเมืองที่ใช้สิทธิเสรีภาพของตนในลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหลักการ
พื้นฐานของการปกครองระบอบเสรีประชาธิปไตยตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 18 ได้; BVerfGG, § 47
และ § 39; โปรดดูรายละเอียดในหัวข้อ 5.5 (ถัดไป)