Page 130 - kpi12821
P. 130
แนวทางปรับปรุงกฏหมายเกี่ยวกับการยุบพรรคการเมือง
4.8 การบังคับตามคำวินิจฉัย 152
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่า พรรคการเมืองหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของ
พรรคการเมืองไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและสั่งยุบพรรคหรือส่วนของพรรคดังกล่าวแล้ว
เจ้าหน้าที่ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลมลรัฐต้องใช้มาตรการต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
เกี่ยวกับการบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลและตามวิธีการที่ศาลรัฐธรรมนูญ
กำหนดเพิ่มเติม เพื่อการนี้ ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดในมลรัฐ ซึ่งในกรณีเช่นนี้คือ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมลรัฐมีอำนาจเต็มที่ในการออกคำสั่งแก่หน่วย
งานและเจ้าหน้าที่มลรัฐผู้รับผิดชอบในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย
ของสาธารณะ ในกรณีที่พรรคการเมืองหรือส่วนของพรรคการเมืองดังกล่าวดำเนินการ
ในพื้นที่ที่ครอบคลุมมากกว่าหนึ่งมลรัฐ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่ง
สหพันธ์กำหนดแนวทางปฏิบัติ (Directive) ใดๆ อันจำเป็นเพื่อให้การบังคับตามคำ
วินิจฉัยของศาลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ หากศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ของ
พรรคการเมืองด้วย ก็ให้นำบทบัญญัติมาตรา 10 ถึงมาตรา 13 ของกฎหมายว่าด้วย
สมาคม (Vereinsgesetz – Act on Associations) มาใช้บังคับโดยอนุโลม 153
อย่างไรก็ดี เพราะเหตุที่มาตรการบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาล
รัฐธรรมนูญเป็นคำสั่งทางปกครองประเภทหนึ่งจึงอาจมีการร้องคัดค้านหรือฟ้องเพิก
ถอนการกำหนดมาตรการบังคับดังกล่าวต่อศาลปกครองได้ กฎหมายศาลรัฐธรรมนูญ
แห่งสหพันธ์จึงบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า การกระทำดังกล่าวย่อมไม่มีผลเป็นการทุเลา
การบังคับ และในกรณีที่การพิจารณาของศาลปกครองเกี่ยวข้องกับประเด็นพื้นฐาน
สำคัญเพื่อการบังคับให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ศาลปกครองหยุด
การพิจารณาคดีดังกล่าว และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดเสียก่อน ในการนี้
ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดคำคัดค้านที่เกี่ยวข้องกับลักษณะพฤติการณ์ของ
มาตรการบังคับพิเศษที่ศาลได้กำหนดไว้ก่อนหน้านั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติไป
พร้อมๆ กับการวินิจฉัยประเด็นที่มาจากศาลปกครองด้วย 154
152 Susanne Walter, “The Execution of the decisions of the Federal Constitutional Court of
Germany,”The Transcript of Seminar on “THE EFFICIENCY OF CONSTITUTIONAL JUSTICE IN A
SOCIETY IN TRANSITION,” YEREVAN, ARMENIA, 6-7 OCTOBER 2000. < http://www.venice.coe.int/
docs/2000/CDL-JU%282000%29041-e.asp>
153 PartG, § 32 (1), (2), (5).
154 PartG, § 32 (3), (4).