Page 46 - kpiebook67036
P. 46

45





                          อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ในช่วงยุคกลางที่คริสต์ศาสนาได้เข้ามาในสวีเดน หมู่บ้านได้รวมตัว

                  เข้าด้วยกันเป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้น นั่นคือ เป็นที่ประชุมหรือชุมชนทางศาสนา (the ecclesiastical parish)
                  อ�านาจและหน้าที่ของสภาท้องถิ่นของหมู่บ้านหรือ ting ได้ค่อยๆ ย้ายไปอยู่ที่ที่ประชุมชุมชนทางศาสนา

                  (the parish council) และการบริหารความยุติธรรมได้ไปอยู่ที่ศาล (a court) ที่ตั้งขึ้นมาในแต่ละหน่วย
                  การปกครองท้องถิ่น (hundred) แต่ก่อนที่จะเกิดการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ในต้นศตวรรษที่สิบเก้า

                  เมื่อชุมชนหมู่บ้านของสวีเดนได้พังทลายในที่สุด แต่สภาหมู่บ้าน ting ได้มีบทบาทหน้าที่ที่ส�าคัญ
                  ในวิถีชีวิตของชาวนามาโดยตลอด
                                                115

                          ในช่วงยุคกลางของสวีเดนหลังจากที่ได้รับอิทธิพลของคริสต์ศาสนา พบข้อมูลที่ว่า มีการรวม

                  ting หลายๆ แห่งเข้าด้วยกันเป็นหน่วยการบริหารที่ใหญ่ขึ้นเป็น “parishes” หรือโบสถ์ประจ�าหมู่บ้าน
                  ซึ่งเป็นค�าที่ใช้เรียกที่ประชุมที่ท�าพิธีทางศาสนา อันถือเป็นเขตปกครองของทางศาสนาคริสต์ ที่ได้รับ

                                                                                                          116
                  อิทธิพลมาจาก ศาสนจักรคาทอลิกที่เลียนแบบมาจากระบบการปกครองของจักรวรรดิโรมันอีกทีหนึ่ง
                  โดย parish จะอยู่ภายใต้เขตสังฆมณฑลที่ใหญ่ขึ้นที่ปกครองดูแลโดยพระสังฆราช (bishop) parish ได้เริ่ม

                  แพร่หลายทั่วไปในยุโรปในช่วงตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสาม และจาก “parishes” ได้พัฒนาเป็นหน่วยที่ใหญ่ขึ้น
                  ที่เรียกในภาษาทางแถบสแกนดิเนเวียว่า “landsting” ซึ่งเป็นที่ประชุมในระดับที่ใหญ่ขึ้นกว่า ting และ

                  “parishes” เทียบได้กับมณฑล และ “landsting” ก็ท�าหน้าที่ในการออกกฎหมายและดูแลเรื่องกระบวนการ
                  ยุติธรรมในช่วงแรกๆ ของสังคมสแกนดิเนเวีย  117


                          ขณะเดียวกัน คริสต์ศาสนายังมีอิทธิพลต่อชุมชนและ ting ในสวีเดนในด้านกฎศาสนาและ

                  การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลักการทางกฎหมายด้วย โดยเฉพาะหลักการที่ให้ความส�าคัญต่อการตัดสินใจ
                  ร่วมกันของชุมชนที่ด�ารงอยู่แล้วตามจารีตประเพณีของ ting ในสังคมสวีเดน และได้รับการสนับสนุนซ�้าไป

                  อีกด้วยแนวคิดหลักการทางศาสนาที่ส่งผ่านมาจากหลักกฎหมายโรมันอีกทีหนึ่ง อันได้แก่ quod omnes
                  tangit ab omnibus approbari debet อันหมายถึง “อะไรที่กระทบทั้งหมด จะต้องได้รับการยอมรับจาก

                  ทั้งหมด” (what touches all must be approved by all) เป็นต้น รวมทั้งส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรม
                                        118
                  ของชุมชนและ ting ด้วย

                  115   Vilhelm Moberg, A History of the Swedish People: Volume I From Prehistory to the Renaissance, foreword
                  by Gunnar Myrdal, translated by Paul Britten Austin (Minneapolis: University of Minnesota Press, 2005), p. 42.
                  116  “Archbishop Ansgar, sometimes called the “Apostle of the North”, arrived in the town of Birka in lake Mälaren
                  from the Archbishopric of Bremen, and founded ostensibly the first Christian parish in Sweden. Members included

                  Herigar, evidently the first documented Christian Swede. Swedish king at this time was Björn, according to
                  Vita Ansgari, possibly Björn at Haugi.” ดู T.K. Derry, A History of Scandinavia: Norway, Sweden, Denmark,
                  Finland, Iceland (London: George Allen & Unwin, 1979), p. 42.
                  117   Ingvar Anderson, “Early Democratic Traditions in Scandinavia,” in Scandinavian Democracy: Development of
                  Democratic Thought and Institutions in Denmark, Norway and Sweden (Copenhagen: Schultz, 1958), p. 73.
                  118   แนวคิดหลักการทางกฎหมาย (learned legal doctrines) ที่ได้จากพระในคริสต์ศาสนาส่งผลให้ชุมชนสวีเดนได้แนวคิด
                  เกี่ยวกับอ�านาจตามกฎหมายของชุมชน แม้ว่าเมื่อพระราชอ�านาจของกษัตริย์และชนชั้นน�าท้องถิ่นได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51