Page 45 - kpiebook67036
P. 45
44 ประเพณีการปกครองของสวีเดน: สภาท้องถิ่น (ting), สิทธิ์ในการเลือกพระมหากษัตริย์ และเสรีภาพ
และปกครองตนเองของชาวนา (the Many)
(universal suffrage and parliamentarism) ส่วนพวกเสรีนิยมก็ใช้ในการยกย่องรัฐสภา (the Riksdag)
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในกรณีของ Branting โดยเขาได้ยืนยันในปี ค.ศ. 1917 ว่า อ�านาจดั้งเดิมของสภา
อยู่ในมือของประชาชนสวีเดนมาตั้งแต่โบราณและความสัมพันธ์ระหว่างเจตจ�านงของประชาชนและรัฐสภา
(the Riksdag) จะต้องได้รับการสนับสนุนให้แข็งแกร่งโดยการใช้กลไกการท�าประชามติ และนอกจาก
112
ฝ่ายเสรีนิยมแล้ว พวกฝ่ายซ้ายยังได้สร้างภาพคู่ขนานระหว่างเรื่องราวในอดีตกาลและปัญหาทางการเมือง
สวีเดนในปี ค.ศ. 1917 โดย Ivar Vennerström ได้ท้วงติงถึงการห้ามกรรมกรเดินขบวนในสวีเดน
ทั้งที่สวีเดนเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดินแดนต้นก�าเนิดเสรีภาพในโลก โดยเขาได้เปรียบเทียบ
สภาพการณ์ที่ปิดกั้นเสรีภาพในการเมืองสวีเดนขณะนั้นกับเรื่องราวของ Torgny ในสวีเดนยุคโบราณ
ที่ Torgny ในฐานะตัวแทนประชาชนได้กล่าวถึงเสรีภาพต่อกษัตริย์ของเขา และมีเสรีภาพที่จะแนะน�า
กษัตริย์ว่าควรจะปกครองประเทศอย่างไรด้วย 113
จากการศึกษาของ Ihalainen และ Kurunmäki ผู้เขียนเห็นด้วยว่าเรื่องราวเชิงต�านานของ Torgny
the Lawspeaker ได้ถูกสร้างและใช้เป็นวาทกรรมในประวัติศาสตร์นิพนธ์สวีเดนในการสนับสนุนจุดยืน
ทางการเมืองที่แตกต่างและขัดแย้งกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปดจนถึงศตวรรษที่ยี่สิบ อย่างไรก็ตาม
ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่า เรื่องราวเชิงต�านานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าที่ประชุม ting มีอิสระเสรี
และมีอ�านาจอันชอบธรรมในการจ�ากัดอ�านาจของกษัตริย์ และกษัตริย์จะไม่สามารถใช้ก�าลังความรุนแรง
ในการฝ่าฝืนจารีตประเพณี และอย่างไรก็ดี Scott ก็กล่าวไว้ด้วยว่า มีการตั้งข้อสงสัยว่า เหตุการณ์
ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์สวีเดนมากน้อยแค่ไหน แต่เขาก็ชี้ว่า เรื่องราวดังกล่าวนี้สะท้อน
ให้เห็นถึงแบบแผนความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับสามัญชนในสังคมสวีเดน เพราะจะเป็นเรื่องจริงหรือ
ไม่ก็ตาม แต่เรื่องดังกล่าวได้ถูกบันทึกและตราไว้ในกฎหมาย กระนั้น Scott กล่าวด้วยว่า สังคมสวีเดน
ไม่ได้ถือหลักที่ว่า กรณีหนึ่งๆ ที่เกิดขึ้นและตัดสินไปแล้วจะต้องกลายเป็นบรรทัดฐานทางกฎหมายต่อไป
ในอนาคต เพราะสังคมโบราณสวีเดนไม่ได้ยึดถือหลักที่ว่าอะไรที่เกิดขึ้นมาก่อนจะต้องเป็นไปตามนั้น
เสมอไป แต่จะพิจารณาแตกต่างเป็นกรณีๆ ไป และพยายามที่จะประยุกต์ใช้หลักการที่เป็นพื้นฐาน
ในแต่ละกรณี อันเป็นทรรศนะที่ต้องการให้เกิดความยุติธรรมในแต่ละกรณี จึงท�าให้สถานะต�าแหน่งของ
lawspeaker ของ ting มีความส�าคัญยิ่ง เพราะ lawspeaker จะไม่เพียงแต่เป็นผู้มีความจ�าดีเลิศในตัวบท
114
กฎหมายและกล่าวย�้าถึงตัวบทเหล่านั้น แต่ผู้ที่ตีความและบังคับใช้กฎหมายด้วย ซึ่งปรากฏการณ์
ดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปใน ting ต่างๆ ของสวีเดน ก่อนหน้าที่จะถึงช่วงที่มีการออกกฎหมายที่เป็น
ลายลักษณ์อักษรและบังคับใช้ทั่วทั้งอาณาจักร
112 Pasi Ihalainen, “The 18 -Century Traditions of Representation in a New Age of Revolution: History Politics
th
in the Swedish and Finnish parliaments, 1917-1919,” Scandinavian Journal of History, Vol. 40, 1 (2015): 73-74.
113 Pasi Ihalainen, “The 18 -Century Traditions of Representation in a New Age of Revolution: History Politics
th
in the Swedish and Finnish parliaments, 1917-1919,” Scandinavian Journal of History, Vol. 40, 1 (2015): 74.
114 Franklin D. Scott, Sweden: The Nation’s History, the Swedish American Historical Society (Dexter,
Michigan: University of Minnesota, 1983), p. 59.