Page 50 - kpiebook67036
P. 50

49





                  ต�าแหน่งในทางจิตวิญญาณในทางศาสนาไม่มีอะไรมากไปกว่าเป็นการยืนยันในขั้นสุดท้าย ในเวลาต่อมา

                  ได้มีการเปลี่ยนกฎหมายเลือกตั้งกษัตริย์ ที่ก�าหนดให้กษัตริย์จะต้องเข้าพิธีรับการปลุกเสกและสวมมงกุฎ
                  ที่อุปซาลา หรือเมืองอื่นใดก็ได้ และพระสังฆราชจะมีบทบาทมากขึ้นเหนือกว่า lawspeaker
                                                                                                  125

                          การเลือกผู้ที่สมควรจะได้เป็นกษัตริย์ในสวีเดนไม่ได้ก�าหนดไว้ว่าจ�าเป็นจะต้องเป็นพระราชโอรส

                                                                126
                  อันชอบธรรมของกษัตริย์พระองค์ก่อนหน้าเท่านั้น   แต่ในทางปฏิบัติก็มักจะเป็นผู้ที่สืบสายมาจาก
                                                                                                          128
                                    127
                  กษัตริย์พระองค์ก่อน   การเลือกจะเกิดขึ้นตาม ting ต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของท้องถิ่นต่างๆ ในสวีเดน
                  แต่ในขั้นตอนต่อมา กษัตริย์พระองค์ใหม่จะได้รับเลือกโดยที่ประชุมที่ประกอบไปด้วยพระสังฆราช
                  และผู้น�าอภิชนต่างๆ และจะพบว่า การเลือกตั้งที่ต้องผ่าน ting ทั้งหลายนี้ส่งผลให้ตัวแทนของผู้คน

                  สามารถที่จะคงไว้ซึ่งอิทธิพลต่อกษัตริย์ และถือเป็นปัจจัยที่มีความส�าคัญอย่างยิ่งยวดในการเมืองสวีเดน
                  ในช่วงนี้ นอกจากนี้ อย่างที่กล่าวไปบ้างแล้ว ผู้คนมี “สิทธิ์ในการคัดค้านไม่เห็นด้วย” (right of protest)

                  ในการพิจารณาคดีความใน ting ด้วย และแน่นอนว่า การคัดค้านดังกล่าวนี้จะมีน�้าหนักและอิทธิพล
                  มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับสถานะความมั่งคั่ง ความมีสติปัญญา สถานะของครอบครัวและสถานะก�าเนิด

                  ของแต่ละคนด้วย ซึ่งผันแปรไปตามบริบทและสถานการณ์ ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่มีเสียงดังที่คนรับฟังคือ
                  ผู้ครองที่ดินขนาดใหญ่ ผู้มีอภิสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่และรวมถึงการที่พวกเขา

                  สามารถเข้าถึงศูนย์กลางอ�านาจทางการเมือง ต่อมา เจ้าที่ดินเหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นชนชั้นอภิชน (baronial
                  class) และจากการที่พวกเขาสามารถทัดทานอ�านาจของกษัตริย์ได้ ส่งผลให้สามารถคงไว้ซึ่งเสรีภาพได้
                                                                                                          129
                  ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพของพวกตนหรืออาจจะรวมไปถึงเสรีภาพของผู้คนระดับล่างลงมาด้วย








                  หมายถึง การท�าสัตย์สาบานที่กษัตริย์และพวกอภิชนของพระองค์ต่างท�าการสาบานเพื่อสร้างหลักประกันว่าพวกเขา
                  จะยึดมั่นในกฎหมายต่างๆ ได้มีการบัญญัติกฎหมายการท�าสัตย์สาบาน (edsöre law) นี้ขึ้นในตอนกลางศตวรรษ
                  ที่สิบสาม ดู Stefan Olsson, The Hostages of the Northmen From the Viking Age to the Middle Ages,

                  (Stockholm: Stockholm University Press, 2019), p. 278.
                  125   Philip Line, Kingship and State Formation in Sweden 1130-1290 (Leiden: Koninklijke Brill NV, 2007), p. 203.

                  126   Philip Line, Kingship and State Formation in Sweden 1130-1290 (Leiden: Koninklijke Brill NV, 2007),
                  p. 201.
                  127   Philip Line, Kingship and State Formation in Sweden 1130-1290 (Leiden: Koninklijke Brill NV, 2007),
                  p. 201.
                  128   Ingvar Anderson, “Early Democratic Traditions in Scandinavia,” in Scandinavian Democracy: Development

                  of Democratic Thought and Institutions in Denmark, Norway and Sweden (Copenhagen: Schultz, 1958),
                  p. 73; T.K. Derry, A History of Scandinavia: Norway, Sweden, Denmark, Finland, Iceland (London: George
                  Allen & Unwin, 1979), p. 24.
                  129   Ingvar Anderson, “Early Democratic Traditions in Scandinavia,” in Scandinavian Democracy: Development
                  of Democratic Thought and Institutions in Denmark, Norway and Sweden (Copenhagen: Schultz, 1958),
                  p. 73.
   45   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55