Page 26 - kpiebook67036
P. 26
25
ช่วงชั้นในสังคมชาวนายุคไวกิงที่ยังไม่เคร่งครัดตายตัว ท�านองเดียวกับที่ Sigurdur Lindal ได้กล่าวถึง
39
สังคมสวีเดนช่วงนี้ไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชาวนากับผู้น�าหรือ “หัวหน้าเผ่า” (chieftain) ยังเป็นไป
ในลักษณะหลวมๆ ไม่เคร่งครัดไม่เป็นทางการมากนัก ชาวนายังมีเสรีภาพของตัวเองอยู่มาก
40
และในสภาพทางสังคมการเมืองดังกล่าวนี้ ความแตกต่างเหลื่อมล�้าภายในเผ่าหรืออาณาจักร
เล็กๆ จะยังมีไม่มากนักและไม่ชัดเจนตายตัวอย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไปข้างต้นถึงการเลื่อนไหลขึ้นทางช่วงชั้น
ระหว่างชนชั้นระดับหัวหน้าครัวเรือน (householder หรือ karl) กับชนชั้นระดับหัวหน้าเผ่าและกษัตริย์
39 John F. Embree เสนอแนวคิดที่ว่าด้วย “โครงสร้างสังคมอย่างหลวม” (A Loosely Structured Social System)
เพื่ออธิบายสังคมไทย โดยนิยามว่าโครงสร้างสังคมอย่างหลวม นั่นคือสังคมที่มีบูรณาการอย่างหลวม (loosely
integrated) “มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนพฤติกรรมแบบปัจเจก” ซึ่งท�าให้สังคมนั้นขาดแบบแผนและระเบียบวินัย อันเป็น
ลักษณะที่ตรงข้ามกับ “โครงสร้างสังคมอย่างแน่นหนา” (A Tightly Structured Social System) อย่างสังคมญี่ปุ่น ซึ่งเป็น
“สังคมที่มีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน และให้ความส�าคัญกับการปฏิบัติตามสิทธิ์และหน้าที่ระหว่างกันในสังคม”
โดย Embree ได้ให้รายละเอียดถึงพันธะหน้าที่ที่ไม่ผูกมัดระหว่างสมาชิกในครอบครัวไทย ทัศนคติต่อการท�างาน
ที่ขาดความจริงจังของคนไทย การรักสนุกของคนไทย ตลอดจนถึงความไม่ชัดเจนในการด�าเนินการทูตไทยหรือ
การขาดระเบียบแบบแผนในทางการเมืองการปกครองไทย ทั้งนี้ Embree กล่าวว่า สังคมที่มีโครงสร้างอย่างหลวม
ก็มีประโยชน์และหน้าที่ประการส�าคัญคือสามารถปรับตัวเข้ากับหรือปรับตัวรับวัฒนธรรมอื่น ๆ ได้โดยไม่ส่งผลกระทบ
รุนแรงต่อสังคมโดยรวมต่อแนวคิดดังกล่าว A. Thomas Kirsh เห็นถึงความพยายามของ Embree ในการสร้างกรอบ
เชิงสถาบันในการเปรียบเทียบสังคมไทยกับสังคมญี่ปุ่น กระนั้น Kirsh เห็นว่าแนวคิดดังกล่าวมีปัญหาที่ส�าคัญคือ
การปะปนวัฒนธรรม สังคม และระบบสังคมเข้าด้วยกัน เน้นการพิจารณามิติทางวัฒนธรรมและทางจิตวิทยามากกว่า
ในมิติโครงสร้างทางสังคม ทั้งยังมีการตัดสินพฤติกรรมในสังคมไทยในเชิงปทัสถานด้วยภาษาเชิงลบ ซึ่ง Kirsh เห็นว่า
ประเด็นดังกล่าวสะท้อนการวางประเด็นปัญหาของ Embree ที่มองว่าสังคมไทยมีลักษณะ “แปลก” ไปจากจุดยืนทาง
ทฤษฎีและความเข้าใจทางสังคมศาสตร์ในสมัยนั้น และท�าให้ Kirsh เสนอให้พิจารณางานเขียนของ Embree ในฐานะ
งานที่เปิดประเด็นให้ทบทวนทฤษฎีทางสังคมศาสตร์ให้ครอบคลุมและสามารถอธิบายสังคมที่หลากหลายได้มากยิ่งขึ้น
John F. Embree, “Thailand - A Loosely Structured Social System”, American Anthropologist, Vol 52 .2 (1950):
181-193. และ Hans-Dieter Evers (editor), Loosely Structured Social Systems: Thailand in Comparative
Perspective (New Haven: Yale University, Southeast Asia Studies Cultural Report Series No. 17, 1969).
ในขณะเดียวกัน มีความพยายามที่จะนิยามกรอบแนวคิดที่ว่าด้วยโครงสร้างสังคมอย่างหลวมและอย่างหนาแน่นให้
ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น Bryce F. Ryan and Murray A. Status ที่เห็นว่าโครงสร้างสังคมอย่างหลวมให้พื้นที่แก่พฤติกรรมที่
“ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีแบบแผน และขาดการปฏิบัติเป็นกิจวัตร” และเสนอเกณฑ์แก่สังคมโครงสร้างอย่างหลวมว่า
เป็นสังคมที่มีช่องทางแสดงปทัสถานที่หลากหลาย มีความอดทนอดกลั้นสูงต่อพฤติกรรมเบี่ยงเบน และมีชุดคุณค่า
ทางสังคมองค์กรอย่างเป็นทางการที่ยังไม่พัฒนา หรือ Pertti J. Pelto ที่ได้พัฒนาเกณฑ์ 12 ประการเพื่อวัดระดับ
ความหลวมหรือหนาแน่นของโครงสร้างสังคม โดยเกณฑ์ดังกล่าววัดลักษณะเชิงโครงสร้างสามประการ ได้แก่ การเป็น
เจ้าของทรัพยากรทางเศรษฐกิจร่วมกันในชุมชน ความเป็นองค์กรของกลุ่มเครือญาติ และล�าดับชั้นของอ�านาจทางศาสนา
และทางพลเรือนในชุมชน ดู Pertti J. Pelto, “The differences between “tight” and “loose” societies”, Transaction,
April 37-40(1968): 37-40.
40 Sigurdur Lindal, “Early Democratic Traditions in the Nordic Countries,” in Nordic Democracy: Ideas,
Issues, and Institutions in Politics, Economy, Education, Social and Cultural Affairs of Denmark,
Finland, Iceland, Norway, and Sweden, editorial board: Erik Allardt, Nils Andren, Erik J. Friis, Gylfi p. Gislason,
Sten Sparre Nilson, Henry Valen, Frantz Wendt, Folmer Wisti, (Copenhagen: Det Danske Selskab, 1981), p. 32.