Page 59 - kpiebook67035
P. 59

สถาบันพระปกเกล้า
                                                          King Prajadhipok’s Institute


          ของเชียงคานมีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงโดยตรงกับวิถีชีวิตชุมชนและการประกอบอาชีพของ
          คนในพื้นที่ จึงทำาให้การดำาเนินกิจกรรมนี้ อาจทำาให้มีคนได้ประโยชนหรือเสียประโยชนได้
          ซึ่งจะเห็นได้จากคนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากกิจกรรมของโครงการก็จะไม่ให้ความสนใจเข้าร่วม
          ดำาเนินการ “คนที่เห็นว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งผลกระทบถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ รายได้ เขาก็จะ
          กระตือรือร้นเอาใจใส่มากขึ้น เขาก็จะเห็นความสำาคัญ ส่วนคนที่ไม่ได้อะไรก็จะเฉยๆ”
             กลุ่มครูและผู้ปกครอง ปัจจัยความสำาเร็จที่สำาคัญในทัศนะของกลุ่มครูและผู้ปกครองคือ
          การสนับสนุนการดำาเนินกิจกรรมตามบทบาทหรือหน้าที่ของตนหรือหน่วยงาน จะเห็นได้จาก
          กิจกรรมประกวดแต่งเพลง นักเรียนที่เข้าแข่งขันได้มีส่วนร่วมกับครูและเพื่อนนักเรียนในการ
          แต่งเนื้อเพลง เสริมเนื้อหาของเนื้อเพลง เช่น ภาษาถิ่น เรื่องราวของเชียงคาน เป็นต้น ขณะที่
          ครูที่รับผิดชอบดูแลนักเรียนที่เข้าแข่งขันก็ได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำางานระหว่างครูด้วยกัน และ
          ที่สำาคัญคือ ผู้ปกครองของนักเรียนที่ให้การสนับสนุน ทั้งที่อยู่ในช่วงปิดภาคเรียน และมีบ้าน
          อยู่ไกลจากโรงเรียน ขณะเดียวกัน ปัจจัยความสำาเร็จอีกประการหนึ่งคือ การที่เชียงคานมีทุนการที่เชียงคานมีทุน
          ทางว
          ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นัฒนธรรมที่โดดเด่น เช่น ชุมชนบ้านไม้เก่า ประเพณี ศิลปะดนตรี ด้านอาหารพื้นบ้าน
          ประวัติศาสตรเมือง เป็นต้น ทำาให้สามารถนำาไปใช้ประโยชนได้ในหลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้น
          คือ การร้อยเรียงเป็นเรื่องราวผ่านบทเพลงได้อย่างน่าสนใจ
             กลุ่มประชาชน ให้ความเห็นว่า ปัจจัยความสำาเร็จอาจแบ่งได้เป็นปัจจัยภายนอกและ
          ปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกที่พบเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในเชิงเทคโนโลยีการ
          สื่อสารที่รวดเร็ว การมีหน่วยงานภายนอกเข้ามาให้การสนับสนุนที่แสดงว่าเห็นความสำาคัญต่อ
          ทุนวัฒนธรรมในพื้นที่ และมีการติดตามการดำาเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยภายในของ
          ชุมชนเองเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนวิธีคิด การสื่อสารของคนในชุมชน และการมีส่วนร่วม
          คนในพื้นที่เพราะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวเชียงคาน
             ปัจจัยภายนอกที่พบและส่งผลให้กิจกรรมในงานวิจัยนี้ประสบความสำาเร็จที่สำาคัญคือ
          กระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ชาวบ้านประสบเองระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่ชาวบ้านประสบเอง ยกตัวอย่างเช่น การสื่อสารในยุคดิจิทัล
          ก
          ที่หากไม่ปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะทำาให้เสียโอกาสไป เพราะกระแส
          การท่องเที่ยวมีมาใหม่อยู่ตลอด หากชาวเชียงคานไม่ปรับตัวแล้วนักท่องเที่ยวอาจจะหันเห
          ไปที่อื่น ดังนี้
             “ถ้าชาวบ้านยังคิดแบบเก่าว่าไม่มีการรวมกลุ่ม ไม่มีการดึงเอาชุมชนของตนเองให้อยู่
          แน่นอนว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงและนักท่องเที่ยวอาจจะย้ายไปเที่ยวที่อื่นก็ได้”





                                                                        57
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64