Page 75 - kpiebook67026
P. 75
74 ผลการใช้กฎหมายรับรองเพศสภาพ : กรณีประเทศอาร์เจนตินา มอลตา และไอซ์แลนด์
2) การน�านโยบายไปปฏิบัติ มีข้อสมมติฐานเบื้องต้นของนโยบายว่าการก�าหนด
นโยบายต้องมีความเป็นเหตุเป็นผล และสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงในการน�า
นโยบายไปปฏิบัติซึ่งมีอิทธิพลต่อความส�าเร็จของนโยบายในที่สุด วิธีการปฏิบัติงานของ
หน่วยงานจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งให้มีความสอดคล้องกับนโยบาย
ที่ส่วนกลางก�าหนดด้วย
3) การประเมินผลนโยบาย ได้มีความส�าคัญในกระบวนการนโยบายสาธารณะ
ซึ่งมีวัตถุประสงคเพื่อทราบการด�าเนินตามนโยบาย โดยการแปลงปัจจัยทางการบริหาร
ผ่านกระบวนการด�าเนินงานให้ได้ผลิตภัณฑบริการที่พึงปรารถนา โดยใช้แนวทาง
แผนงาน โครงการต่าง ๆ มีความสอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ก�าหนดนโยบายคาดหวังในการ
จัดท�านโยบายหรือไม่ การเลือกรูปแบบการประเมินผลที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค
ของการน�าข้อสรุปการวิจัยประเมินผลนโยบายไปใช้ในการตัดสินใจความสามารถ
ในการควบคุมตัวแปร ปัจจัยน�าเข้า และกระบวนการแปรสภาพนโยบายและช่วงเวลา
ที่จะจัดท�าการวิจัยประเมินผล ผู้ประเมินผลจึงต้องมีความเชี่ยวชาญด้านระเบียบวิธีวิจัย
มีความเข้าใจในตัวนโยบาย บริบทด้านสังคมและการเมืองที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย
ที่ต้องการท�าการประเมินและต้องท�าการประเมินผลนโยบายสาธารณะอย่างเป็นกลาง
และเข้าใจได้ง่าย
การน�านโยบายไปปฏิบัติ (Policy Implementation) หมายถึง การท�าให้ส�าเร็จ
ตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงคที่ก�าหนดไว้ เป็นกระบวนการปฏิสัมพันธระหว่าง
การก�าหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงคกับการกระท�าเพื่อให้บรรลุสิ่งที่มุ่งหวัง เป็นขั้นตอน
ต่อเนื่องของกระบวนนโยบายสาธารณะ (Policy Process) ที่สืบเนื่องจากการก่อตัว
หรือสร้างนโยบาย ซึ่งนักวิชาการส่วนใหญ่มักเห็นพ้องต้องกันในประเด็นที่ส�าคัญ
อย่างน้อย 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก การน�านโยบายไปปฏิบัติ เป็นกระบวนการ
ที่มีขั้นตอนในการด�าเนินกิจกรรม ไม่ใช่กิจกรรมชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นกิจกรรม
ที่ต่อเนื่อง ในแต่ละขั้นตอนจะมีความสัมพันธกันตลอดเวลา และประเด็นที่สอง
การน�านโยบายไปปฏิบัติเป็นการด�าเนินการให้ส�าเร็จลุล่วงตามเป้าหมายของนโยบาย