Page 48 - kpiebook67026
P. 48
47
โดยสิทธิดังกล่าวได้ถูกรับรองไว้ในหลักการยอกยาการตาฉบับปี ค.ศ. 2007
ด้วยเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากหลักการข้อ 3 ซึ่งก�าหนดถึงสิทธิในการรับรองทางกฎหมาย
(The right to recognition before the law) ไว้ว่า “มนุษยทุกคนมีสิทธิได้รับ
ความคุ้มครองตามกฎหมายในฐานะบุคคล ในทุกแห่งหน ผู้ที่มีวิถีทางเพศและอัตลักษณ
ทางเพศทุกรูปแบบต้องได้รับสิทธิทางกฎหมายในทุกด้านของชีวิต วิถีทางเพศ และ
อัตลักษณทางเพศที่แต่ละคนก�าหนดเอง ย่อมเป็นส่วนส�าคัญของบุคลิกภาพ และเป็น
ปัจจัยพื้นฐานส�าคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการก�าหนด วิถีชีวิต ศักดิ์ศรีและเสรีภาพ...”
2.2.3.2 สิทธิด้านการท�างาน
การรับรองสิทธิในการท�างาน (Right to Work) ในองคการสหประชาชาติ
เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา 6 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ
สังคมและวัฒนธรรม ปี ค.ศ. 1966 ซึ่งวางหลักการรับรองสิทธิในการท�างานของบุคคล
ทุกคน รวมถึงสิทธิที่จะมีโอกาสหาเลี้ยงชีพจากงานที่ตนเลือกหรือรับอย่างเสรีโดย
ปราศจากการเลือกปฏิบัติทุกชนิด โดยค�าว่า “บุคคลทุกคนย่อมมีสิทธิในการท�างาน”
ในที่นี้หมายความถึงสิทธิในการเข้าถึงการจ้างงาน ตลอดจนมีอิสระในการท�างานโดย
ปราศจากการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบ ดังจะเห็นได้จากการที่คณะกรรมการว่าด้วย
สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ได้อธิบายว่าบทบัญญัติมาตราดังกล่าว
เรียกร้องมิให้รัฐสมาชิกการกระท�าการใด ๆ อันเป็นการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล
ในการเข้าถึงการจ้างงานรวมทั้งการด�าเนินชีวิตในการท�างาน (Access to and
Maintenance of Employment) ของบุคคล
นอกจากนั้น องคการสหประชาชาติยังให้การรับรองสิทธิของบุคคลในการได้รับ
ผลประโยชนทางสังคมในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ สิทธิในประกันทางสังคม (Right to Social
Security) โดยเป็นไปตามมาตรา 9 ของกติกาฯ ซึ่งบัญญัติว่า “รัฐภาคีแห่งกติกาฉบับนี้
รับรองสิทธิของทุกคนในอันที่จะมีสวัสดิการทางสังคม รวมทั้งประกันสังคม” ตัวอย่างเช่น
การได้รับสิทธิประโยชนจากการจ้างงาน การได้สิทธิลางานเพื่อคลอดบุตร สวัสดิการ
ยามว่างงาน การประกันสุขภาพ การดูแลหรือได้รับสิทธิประโยชนด้านสุขภาพ สิทธิประโยชน
ให้กับคู่สมรสหรือคู่ชีวิตในกรณีเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต การประกันสังคมในเรื่องอื่น ๆ ฯลฯ
และสิทธิในมาตรฐานการครองชีพตามสมควร (Right to an adequate standard
of living) โดยเป็นไปตามมาตรา 11 ของกติกาฯ ซึ่งบัญญัติว่า “รัฐภาคีแห่งกติกานี้