Page 45 - kpiebook67026
P. 45
44 ผลการใช้กฎหมายรับรองเพศสภาพ : กรณีประเทศอาร์เจนตินา มอลตา และไอซ์แลนด์
unhindered) ในแง่นี้ พลเมืองของรัฐย่อมมีฐานะเป็นผู้บริโภคที่ได้รับความคุ้มครอง
ภายใต้กฎหมาย บุคคลทุกคนจึงย่อมมีสิทธิพลเมืองในฐานะการเป็นผู้บริโภคที่มี
อัตลักษณทางเพศ และมีรูปแบบการใช้ชีวิตเป็นของตนเอง ผ่านทางการซื้อสินค้าและ
บริการต่างๆ ทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ ซึ่งการเป็นผู้บริโภคสินค้าและบริการ
เหล่านี้จะสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนอัตลักษณ และรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ด้วย
จากที่ได้กล่าวมาจะเห็นว่า สิทธิในก�าหนดอัตลักษณทางเพศจึงเป็นสิทธิมนุษยชน
อย่างหนึ่งซึ่งประกอบด้วยสิทธิแยกย่อยส�าคัญที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประการคือ
1) สิทธิในการก�าหนดอัตลักษณทางเพศของตนเอง (The right to self-definition)
2) สิทธิในการแสดงออกซึ่งอัตลักษณทางเพศ (The right to self-express) และ
3) สิทธิในการตระหนักซึ่งอัตลักษณทางเพศของตนเอง (The right to self-realization)
โดยสิทธิย่อย ๆ ดังกล่าวนี้จะมีความสัมพันธเชื่อมโยงกับสิทธิมนุษยชนในเรื่องอื่น ๆ
อย่างเป็นระบบ
อย่างไรก็ตาม สิทธิในอัตลักษณทางเพศของบุคคลจะถูกจ�ากัดจากรัฐได้
มากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับว่า สิทธิในอัตลักษณทางเพศดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับ
สิทธิมนุษยชนเรื่องอื่นใด กล่าวคือ หากการใช้สิทธิในอัตลักษณทางเพศมีความสัมพันธ
กับสิทธิมนุษยชนที่เป็นสิทธิตามธรรมชาติที่ติดตัวบุคคลทุกคนมาแต่ก�าเนิด เช่น สิทธิ
ในชีวิตและร่างกาย สิทธิในเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย และสิทธิในเสรีภาพ
จากการกระท�าทารุณกรรมและการปฏิบัติที่โหดร้าย กรณีนี้รัฐไม่อาจแทรกแซงหรือ
จ�ากัดได้หรือที่เรียกว่าสิทธิสัมบูรณ (Absolute Rights) ดังนั้น เมื่อสิทธิในการก�าหนด
อัตลักษณทางเพศถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในชีวิตและร่างกาย ย่อมต้องถือว่า
รัฐไม่อาจแทรกแซงหรือจ�ากัดสิทธิในการก�าหนดอัตลักษณทางเพศได้ไม่ว่ารัฐจะตกอยู่
ในสถานการณเช่นไรนั่นเอง ในทางกลับกัน สิทธิในการแสดงออกซึ่งอัตลักษณทางเพศ
และสิทธิในการตระหนักซึ่งอัตลักษณทางเพศของตนเองในพื้นที่สาธารณะจัดว่าเป็น
สิทธิพลเมืองอย่างหนึ่งที่รัฐอาจแทรกแซง หรือจ�ากัดได้โดยบทบัญญัติของกฎหมาย
โดยมีเหตุผลส�าคัญเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของบุคคลอื่นหรือเพื่อคุ้มครองผลประโยชน
ของรัฐ ดังนั้น การรับรองสิทธิต่างๆ เหล่านี้จึงมีขอบเขตภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายก�าหนด
ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักความสมควรแก่เหตุ และหลักการคุ้มครอง
สารัตถะแห่งสิทธิและเสรีภาพ หรือที่เรียกว่า “หลักนิติรัฐ” อีกด้วย