Page 43 - kpiebook67026
P. 43
42 ผลการใช้กฎหมายรับรองเพศสภาพ : กรณีประเทศอาร์เจนตินา มอลตา และไอซ์แลนด์
โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่ในช่วงปลายปี ค.ศ. 1960 ถึงช่วงต้นปี ค.ศ. 1970 ได้เกิดการเดินขบวน
เพื่อเรียกร้องสิทธิเกยในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศต่าง ๆ ในแถบทวีปยุโรป
โดยการเดินขบวนรณรงคในช่วงเวลานั้นถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องสิทธิในนามของ
“กลุ่มบุคคลรักเพศเดียวกัน (Homosexual)” วัตถุประสงคของการเคลื่อนไหวในช่วง
เวลานั้นคือ การเรียกร้องให้รัฐยกเลิกบทบัญญัติของกฎหมายอาญาซึ่งมีบทลงโทษ
หรือห้ามมิให้บุคคลมีเพศสัมพันธกับบุคคลซึ่งเป็นเพศเดียวกัน และเรียกร้องมิให้
มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลเพราะการมีอัตลักษณเป็นชายรักชายหรือหญิงรักหญิง
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า การเคลื่อนไหวในช่วงเวลานี้มิได้เป็นการเรียกร้องให้มี
การเคารพสิทธิเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธระหว่างบุคคลเพศเดียวกัน ในฐานะที่เป็น
เรื่องส่วนตัวของบุคคล แต่เป็นการแสดงออกซึ่งสิทธิในเสรีภาพทางเพศของบุคคล
อันเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถูกกีดกันของสังคมในช่วงเวลานั้นสิ่งเหล่านี้สะท้อน
ให้เห็นว่าเป้าหมายส�าคัญของการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกยเป็นไปเพื่อต้องการแสดง
ให้เห็นถึงเพศวิถีของตนเองโดยการออกมาแสดงตัวตนในพื้นที่สาธารณะ (Coming out)
เพื่อบ่งบอกให้สาธารณะชนรับรู้ถึงการมีอัตลักษณเป็นชายรักชายหรือหญิงรักหญิง
ของตน ซึ่งการเดินรณรงคดังกล่าวน�ามา ซึ่งการยกเลิกกฎหมายซึ่งเป็นปรปักษกับ
คนกลุ่มนี้ และการบัญญัติกฎหมายใหม่เพื่อคุ้มครองบุคคลกลุ่มนี้จากการต่อต้าน
ของสังคม
จากความในข้างต้น ขอบเขตแห่งสิทธิในอัตลักษณทางเพศอาจแยกพิจารณา
โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ประการคือ
2.2.2.1 สิทธิในการก�าหนดอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง (The right
to self-definition)
การก�าหนดอัตลักษณทางเพศของบุคคล ถือเป็นการใช้สิทธิในการก�าหนด
ตนเองเกี่ยวกับเรื่องเพศ (The right to sexual self-definition) เพื่อพัฒนาเป็น
อัตลักษณทางเพศของตน (individual sexual identities) การใช้สิทธิในการก�าหนด
ตนเองจึงมุ่งหมาย เพื่อก�าหนดว่าตนเองเป็นใครมากกว่าจะพิจารณาจากวิธีปฏิบัติ
ทางเพศของบุคคลนั้น ดังนั้น สิทธิในอัตลักษณทางเพศในแง่ของการเป็นสิทธิ
ในการก�าหนดตนเอง จึงเป็นการก�าหนดเพศสภาพของตนเองโดยมีรากฐานส�าคัญ
มาจากอัตลักษณทางเพศของบุคคลนั้น