Page 38 - kpiebook67026
P. 38
37
รักเพศเดียวกัน (Homosexuality) การยอมรับเพศวิถีของคนที่ไม่ใช่ญาติสืบสายเลือด
และรับไม่ได้กับเพศวิถีของคนที่เป็นญาติสืบสายเลือดเดียวกัน การยอมรับการเรียนรู้
เรื่องเพศในพื้นที่ส่วนตัวและบริบทของการแต่งงาน และไม่ยอมรับการบริโภคสื่อโป๊
ซึ่งนอกจากการรับไม่ได้เหล่านี้จะมีผลท�าให้เกิดข้อห้าม (Taboo) ในระบบสังคม
วัฒนธรรมของมนุษย โดยเฉพาะในมิติของเพศวิถีแล้วนั้น หากสมาชิกในสังคม
ยังคงฝืนกระท�า หรือปฏิบัติในข้อห้ามเหล่านั้นก็ย่อมมีการลงโทษ หรือไม่ยอมรับ
เกิดขึ้นตามมา โดยอาศัยอ�านาจ และความชอบธรรมจากโครงสร้างที่มีการแบ่งออก
เป็นคู่ตรงข้ามเหล่านั้นนั่นเอง
การวิพากษการประกอบสร้างระบบโครงสร้างที่ถูกแบ่งออกเป็นคู่ตรงข้ามนี้เอง
ได้กลายเป็นแนวทาง หรือกลยุทธในการวิเคราะห หรือต่อสู้กับความไม่เท่าเทียมกัน
ที่เกิดขึ้นของกลุ่มแนวคิดของส�านักคิดสายหลังสตรีนิยม (Post-feminism) และ
หลังอาณานิคมนิยม (Post-colonialism) ที่ต่างใช้เป็นวิธีในการท้าทาย ซึ่งการรับรู้
การแบ่งแยกคู่ตรงข้ามของผู้ชายกับผู้หญิง อันเป็นที่มาของความไม่เท่าเทียมกันตามมา
นอกจากนี้การประกอบสร้างซึ่งระบบโครงสร้างที่ถูกแบ่งออกเป็นคู่ตรงข้ามยังเป็น
มิติหนึ่งที่ส�าคัญยิ่งของกระบวนการ “รื้อสร้าง (Deconstruction)” ซึ่งเป็นวิธีหนึ่ง
ที่ส�าคัญยิ่งในการวิพากษ หรือวิเคราะหตัวบทต่าง ๆ (Text) ของนักคิดชาวฝรั่งเศส
ที่ชื่อ แจค ดาริดา (Jacques Derrida)
เพราะฉะนั้นเพศวิถี ซึ่งก็ถูกประกอบสร้างทางสังคม และมีการให้ความหมาย
ที่แตกต่างกันในแต่ละเพศภาวะ ต่างก็ได้รับอิทธิพลจากช่วงเวลาทางประวัติศาสตร
และวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ได้มีการจ�าแนก และก�าหนดมาตรฐาน หรือแนวทาง
การปฏิบัติที่เป็นกระแสหลักของสังคมว่า รูปแบบใดถือว่าปกติ รูปแบบใดถือว่าไม่ปกติ
ก็เป็นมิติที่ส�าคัญ และมีอิทธิพลยิ่งในการอธิบายปรากฏการณการข่มขืนผู้ร่วมสายเลือด
ในการศึกษาครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
2.2 แนวคิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ
การศึกษาสิทธิมนุษยชนในเรื่องอัตลักษณทางเพศในหัวข้อนี้ จ�าแนกขอบเขต
การศึกษาโดยแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นคือ อัตลักษณทางเพศกับความเป็นส่วนตัว
ของบุคคล และขอบเขตของสิทธิในอัตลักษณทางเพศ ซึ่งมีรายละเอียดที่ส�าคัญ ดังนี้