Page 35 - kpiebook67026
P. 35

34     ผลการใช้กฎหมายรับรองเพศสภาพ : กรณีประเทศอาร์เจนตินา มอลตา และไอซ์แลนด์



            ด�ารงอยู่ที่สถาบันเดียวแต่กระจายอยู่ทุกมุมของสังคม เพราะฉะนั้นการแก้ไขความเป็นรอง
            ของผู้หญิงทางการเมือง หรือเศรษฐกิจเพียงด้านเดียวไม่ได้ท�าให้สถานะของผู้หญิงดีขึ้น

            อย่างแท้จริง ผู้หญิงจึงจ�าเป็นต้องคัดค้านความรู้ วาทกรรมของอ�านาจที่ท�าให้ผู้หญิง
            ด้อยกว่าผู้ชายในทุก ๆ ที่ในสังคม และในส่วนที่สตรีนิยมได้รับอิทธิพลจากแนวคิด

            ของเดอรริดา เสนอให้มีการรื้อสร้าง (deconstruction) ศูนยกลางอยู่ที่ความเป็นชาย
            และเป็นคู่ตรงข้าม มนุษยต้องคิดถึงแนวคิดใหม่ที่แตกต่างออกไป และต้องปลดปล่อย

            ตนเองจากความเชื่อในเรื่องการมีความจริงหนึ่งเดียว เพื่อเป็นการเปิดทางให้ทางเลือก
            ที่เป็นไปได้อื่น ๆ สตรีนิยมต้องให้ความส�าคัญกับโครงสร้างใหม่ของความจริงที่

            หลากหลาย เสียงที่หลากหลายในทางเพศ ความแตกต่าง วาทกรรมที่ไม่มีศูนยกลาง
            ไม่ใช่เป็นทั้งความเป็นชายหรือความเป็นหญิง ปฏิเสธในเรื่องความเป็นสากลของ

            ผู้หญิง ให้ความส�าคัญกับความแตกต่างของผู้หญิง รวมทั้งความหลากหลายที่มีอยู่
            ในผู้หญิงแต่ละคน


                   แนวคิดสตรีนิยมหลังสมัยใหม่ก็มีความสนใจ และมีคุณูปการต่อการศึกษา
            เรื่องเพศวิถี (Sexuality) เพราะเพศวิถีก็เป็นส่วนหนึ่งของวาทกรรม และอรรถาธิบาย

            ที่สร้างความไม่เท่าเทียมกับคนในสังคม อีกทั้งเพศวิถีก็ถูกควบคุมก�ากับโดยระบบ
            จริยธรรมด้วยเช่นกัน ซึ่งเพศวิถี หมายถึง ความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก หรือแรงกระตุ้น

            ในเรื่องเพศ เพื่อตอบสนองอารมณเพศ โดยการปฏิบัติทางเพศของบุคคล ซึ่งมีปัจจัย
            ที่เกี่ยวข้อง คือ ปัจจัยทางด้านชีววิทยาหรือสรีระวิทยา ปัจจัยทางด้านจิตวิทยา สังคม

            วัฒนธรรม ศาสนา ประวัติศาสตร และขึ้นอยู่กับบริบทของผู้ปฏิบัติทางเพศ ซึ่งเป็น
            รูปแบบที่ก�าหนดขึ้นจากลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรม หรือเป็นการสร้างทางสังคม

            นั่นเอง

                   ในขณะที่สตีวี่ แจ๊คสัน (Stevi Jackson) ได้อธิบายถึงค�าว่า “เพศวิถี

            (Sexuality)” ไว้ว่า หมายถึง อัตลักษณเชิงอารมณรักใคร่ ความปรารถนา และ
            ปฏิบัติการทางเพศ ซึ่งถูกสังคมได้ให้ความหมายว่าเป็นปกติและผิดปกติ เช่น การมี

            เพศสัมพันธผ่านช่องคลอดของผู้หญิง ถือว่าเป็นการปฏิบัติทางเพศที่เป็นปกติ
            นอกนั้นเป็นความผิดปกติหรือที่เรียกกันว่า ความเบี่ยงเบนทางเพศ โดยแครอลล

            เอส แวนซ (Carole S. Vance) กล่าวถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเพศวิถี (Sexuality)
            ว่ามีด้วยกัน 2 ทฤษฎี คือ
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40