Page 207 - kpiebook67020
P. 207

206  การศึกษาการป้องกันวิกฤตสังคมในอนาคต




        มีศักยภาพร่วมกันต่อต้านขัดขืนการผลักดันนโยบายสาธารณะของภาครัฐได้อย่าง

        ทรงพลัง ซึ่งส่งผลให้รัฐต้องเผชิญกับปัญหาด้านความสามารถในการปกครอง
        (Governability problems) (Anne Mette Kjaer, 2004) ในทางกลับกัน เครือข่าย
        เหล่านั้นก็สามารถสร้างพลังในการร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะไปสู่การปฏิบัติ

        อย่างมีประสิทธิผลได้เช่นกัน


               หากภาครัฐมีการประสานงาน ปรึกษาหารือและเจรจาต่อรองกับเครือข่าย
        ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะแต่ละด้าน ดังนั้น ภาครัฐจึงจ�าเป็นที่จะต้องปรับ

        รูปแบบการท�างานจากการมุ่งเน้นการใช้อ�านาจหน้าที่สั่งการและควบคุมบังคับ
        ไปสู่การท�าหน้าที่ประสานการท�างานกับภาคส่วนอื่น ๆ ในสังคม ซึ่งต้องอาศัย

        ทักษะในเชิงการเจรจาต่อรองเพื่อหาจุดร่วมระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตามในนัยนี้
        ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายกับภาครัฐจึงมีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน

        (Mutual dependence) (John Pierre and B. Guy Peters, 2000) ดังนั้น ในแง่นี้
        กลไกการท�างานแบบเครือข่ายของตัวแสดงในภาคสังคมและกลไกการท�างานแบบ

        สั่งการตามล�าดับขั้นของระบบราชการจึงมิได้ด�ารงอยู่หรือท�างานอย่างแยกออกจากกัน
        อย่างเด็ดขาด แต่อาจมีบางส่วนหรือบางจุดของกระบวนการท�างานที่กลไกการท�างาน

        ของทั้งสองระบบเข้ามาเกี่ยวพันหรือทับซ้อนกัน เช่น การประสานเชื่อมโยงการท�างาน
        ระหว่างเครือข่ายแต่ละกลุ่มอาจจ�าเป็นต้องอาศัยบทบาทการท�างานของหน่วยงาน

        ภาครัฐในการสร้างชุดเชื่อมโยงให้เกิดขึ้น ผ่านการวางกฎกติกาที่เป็นธรรมส�าหรับ
        ทุกฝ่าย การประสานให้ทุกฝ่ายร่วมลงนามสัญญากันหรือการเอื้ออ�านวยให้ทุกฝ่าย

        สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ เป็นต้น การจัดการเครือข่ายจึงต้องอาศัยบทบาทของ
        หน่วยงานภาครัฐในฐานะผู้ประสานการท�างานร่วมกัน (Coordination) (Anne Mette

        Kjaer, 2004)
   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212