Page 34 - kpiebook67011
P. 34

33







                  โดยมีผู้น�าบารมีที่สามารถท�าให้มวลชนเชื่อฟัง และถูกครอบง�าอย่างเบ็ดเสร็จได้ ระบอบเบ็ดเสร็จนิยม

                  จึงสามารถตั้งมั่นตราบเท่าที่ความยินยอมของมวลชนต่อผู้น�านั้นยังคงอยู่

                          จากที่กล่าวมาสามารถสรุปได้ว่า อาเรนดท์กล่าวถึงมวลชน ท�าให้เห็นได้ว่า มวลชนนั้นมีลักษณะ

                  เป็นองค์อินทรีย์ที่เป็นปึกแผ่น ที่ปราศจากพันธะทางสังคม โดยพยายามที่จะละเลยความแตกต่างที่

                  มนุษย์นั้นมี เช่น ชนชั้นทางเศรษฐกิจ สถานภาพทางสังคมต่าง ๆ เพื่อให้เกิดเป็นมวลชนที่สามารถ
                  ขับเคลื่อนในขบวนการเบ็ดเสร็จนิยมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ประชาธิปไตย ก็ให้ความส�าคัญกับ “ประชาชน”
                  เช่นกัน และประชาธิปไตยก็ไม่ได้ให้ความส�าคัญกับการแยกประชาชนออกเป็นกลุ่มหรือชนชั้น เพียงแต่

                  เป็นการปกครองโดยประชาชนหรือคนหมู่มาก ซึ่งหากพิจารณาแล้ว ก็จะไม่ได้เห็นความแตกต่างระหว่าง

                  เบ็ดเสร็จนิยมกับประชาธิปไตยมากนัก เพราะเป็นการปกครองที่เน้นประชาชนและมวลชนเหมือนกัน
                  เน้นการใช้เสียงข้างมากเหมือนกัน มวลชนก็ไม่ได้ถูกบีบบังคับให้สนับสนุนผู้น�า เบ็ดเสร็จนิยมก็ดูจะคล้าย
                  ประชาธิปไตยทางตรงด้วยซ�้า แต่เหตุใดความหมายของทั้งสองจึงแตกต่างกันคนละขั้ว


                          อาจเป็นเพราะประชาธิปไตยนั้นให้ความส�าคัญกับคุณค่าทางการเมืองมากกว่าเบ็ดเสร็จนิยม

                  ซึ่งดังที่ได้กล่าวไปว่าเบ็ดเสร็จนิยมนั้น ต้องการมวลชนที่ไม่แยแสทางการเมืองเท่าใด เพื่อที่จะให้สามารถ

                  เกิดส�านึกร่วมที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีเป้าหมายไปในทิศทางเดียว แต่ประชาธิปไตยนั้นให้ความส�าคัญ
                  กับการความเป็นการเมืองในแง่ของการมีส่วนร่วม การโต้แย้ง การปรึกษาหารือ ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่
                  เพื่อให้ความเห็นที่แตกต่างเกิดขึ้นได้ และสามารถหาข้อสรุปที่เห็นร่วมกันได้ มากกว่าจะเป็นการพยายามบีบ

                  ให้เหลือเพียงแนวทางเดียวที่ทุกคนเห็นร่วมกันหมด


                          จริงอยู่ว่าทั้งสองนั้นมีพื้นฐานมาจากเสียงข้างมากหรือเสียงส่วนใหญ่ แต่ความแตกต่าง
                  จึงอยู่ที่พื้นที่ทางการเมืองของมนุษย์ การไม่มีที่ทางทางการเมืองหรือการถูกจ�ากัดพื้นที่ทางการเมือง

                  ของมนุษย์จึงท�าให้ความคิดและอุดมการณ์แบบเบ็ดเสร็จนิยมเป็นไปได้ ในส่วนถัดไป เราจะได้พิจารณาถึง
                  ความเป็นการเมืองและพื้นที่ทางการเมืองของมนุษย์ว่าเหตุใดมนุษย์จึงถูกจ�ากัดไม่ให้มีพื้นที่ทางการเมือง

                  จากสภาวะเงื่อนไขของความเป็นมนุษย์ อันเป็นอุปสรรคต่อการเป็นประชาธิปไตย
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39