Page 29 - kpiebook67011
P. 29
28 ประชาธิปไตยในความคิดของฮันนาห์ อาเรนดท์
เศรษฐกิจโดยไม่ต้องทะเยอะทะยานทางการเมือง และแม้ว่าชนชั้นนายทุนนั้นจะอยู่ในฐานะชนชั้นปกครอง
ก็ไม่จ�าเป็นต้องปกครองเอง แต่ได้ละหน้าที่ไว้กับรัฐ แต่หากรัฐไม่สามารถท�าให้เศรษฐกิจท�าเนินไปได้
อย่างคล่องตัว ชนชั้นนายทุนนั้นก็มีอิทธิพลต่อรัฐอยู่ดี เพราะเป็นผู้ที่หาทั้งรายได้และอ�านาจให้แก่รัฐ
ทั้งยังสามารถใช้ก�าลังของรัฐเป็นเครื่องมือในการเข้าไปท�าธุรกิจในประเทศที่เป็นอาณานิคมหรือประเทศ
43
ที่ด้อยกว่า แต่ในกรณีของเยอรมนีที่ชนชั้นนายทุนพยายามจะปกครองโดยการเข้าร่วมกับฮิตเลอร์
ด้วยความช่วยเหลือจากมวลชน แม้ว่าจะท�าลายรัฐชาติลงได้แล้ว แต่สุดท้ายแล้วมวลชนก็สามารถ
คุมการเมืองไว้เองได้ และชนชั้นนายทุนก็ได้ถูกท�าลายไปพร้อมกับชนชั้นและสถาบันอื่น ๆ ในที่สุด
แต่นั่นก็ไม่ใช่การท�าลายเพื่อสถาปนาสังคมที่มีความเท่าเทียมกับหรือสังคมคอมมิวนิสต์อะไร แต่เป็น
การท�าลายเพื่อไม่ให้เกิดความแปลกแยกในหมู่มวลชน ซึ่งเป็นกลไกหลักของการสร้างระบอบเบ็ดเสร็จนิยม
นายทุนที่ฟุ่มเฟือย มีเงินทุนมากมายจึงต้องการที่จะขยายอาณาเขตและการผลิตออกไป
นอกประเทศ ด้วยความที่มีทุนมากเกินพอ จึงต้องขยับขยายออกไป เมื่อทุนของประเทศหนึ่งขยายออกไป
ท�าให้เขาเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตในต่างประเทศ ดังนั้น เมื่อเขาท�าการผลิตและท�าก�าไรนั้น ทุนนั้น
จึงไม่ได้นับอยู่ในการเป็นปัจจัยการผลิตในประเทศ กล่าวคือ เป็นการใช้ทรัพยากรในประเทศ
44
เพื่อไปดึงผลประโยชน์ของต่างประเทศมาเป็นของตัวนายทุนเอง ไม่ได้เป็นของชาติหรือประเทศใดเลย
ความอู้ฟู้ของนายทุนข้ามชาติที่ใช้รัฐชาติเป็นเครื่องมือจึงถูกมองว่าเป็นปรสิต แม้ว่าจะเป็นการสมประโยชน์
กับรัฐชาติก็ตาม แต่การที่มีแรงงานและเงินทุนมากมายไปลงทุนในต่างแดนอย่างแคนนาดา ออสเตรเลีย
หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกานั้น เป็นเหตุให้ตัวรัฐชาติในแง่ของสถาบันนั้นสูญเสียทั้งความมั่งคั่งและประชากร
ที่ต้องลงแรงงานที่มาจากประชากรในประเทศ ใช่ทรัพยากรของรัฐ แต่คนที่ได้ประโยชน์คือชนชั้นนายทุน
เพราะความเป็นชาตินั้นต้องอาศัยอิสระทางเศรษฐกิจ 45
แต่แล้วเมื่อระบบทุนนิยมได้เป็นกลไกหนึ่งที่ส�าคัญต่อจักรวรรดินิยม ก็ได้มีการแบ่งชนชั้นทาง
เศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในทุก ๆ ประเทศจึงหลีกหนีไม่พ้นการต่อสู้ทางชนชั้น (class struggle)
ไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่เน้นการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ดังนั้น การแบ่งชนชั้นของคนในชาติ
เดียวกัน ท�าให้เกิดความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (homogenous) ของ “มวลชน” ในชาติ ตัวของชาติ
(national body) จึงถูกแบ่งออกไปเป็นชั้น ๆ และเกิดการดิ้นรนต่อสู้ของชนชั้นที่เป็นสากลในเวลานั้น
ในที่สุด คุณลักษณะของการเมืองสมัยใหม่ในเวลานั้น ซึ่งก็คือรัฐชาติ จึงอยู่ในสถานะที่ไม่มั่นคง และแม้ว่า
การแผ่ขยายของจักรวรรดินิยมจะสามารถเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของชาติได้ แต่ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา
ชาติไม่น่าจะได้ผลประโยชน์ที่คุ้มเสีย เพราะความเป็นชาตินั้นเรียกร้องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ
การได้ผลประโยชน์จนอู้ฟู่ของชนชั้นนายทุนในยุคจักรวรรดินิยม และอาณานิคมนิยม แม้ว่าชนชั้นนายทุน
จะนิยมชาติแค่ไหน ก็อาจถูกมองได้ว่าเป็น “ปรสิตที่อยู่ในคราบของความรักชาติ” 46
43 Arendt, The Origins of Totalitarianism, 160.
44 Ibid., 195.
45 Ibid., 200.
46 Ibid., 198.