Page 28 - kpiebook67011
P. 28
27
แต่มวลชนหรือคนส่วนใหญ่ (อาเรนดท์ใช้ค�าว่า mass, many และ mob สลับกัน) ที่หมายถึง
อาจไม่ใช่เสียงข้างมาก ตามระบอบประชาธิปไตยที่เข้าใจกัน เพราะการจะวัดได้ว่าอะไรเป็นเสียงข้างมาก
ได้นั้น ก็ต้องอาศัยวิธีการทางสถิติ เช่น การส�ารวจ การส�ามะโน หรือการใช้วิธีการเก็บข้อมูลประชากร
แล้วน�ามาเข้าสู่ระบบการนับคะแนนเสียง เช่น การเลือกตั้ง หรือการท�าประชามติ ดังนั้น ค�าว่ามวลชน
ที่กล่าวถึงนั้น ไม่ทางที่จะรู้ได้ว่าจ�านวนนั้นเป็นเสียงข้างมากจริงหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องมากพอที่จะ
ท�าให้ปฏิบัติการของอุดมการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นไปได้ จึงจะสามารถท�าให้ระบอบเบ็ดเสร็จนิยมนั้นตั้งมั่นอยู่ได้
แต่ปัจจัยส�าคัญอีกอย่างหนึ่งของเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยมที่จะมีเสถียรภาพได้ คือการท�าลาย
ชนชั้นทั้งหมด (déclassés of all classes) และสร้างผู้น�าขึ้นมา เป็นผู้น�าที่แน่วแน่ต่อค�าถามของ
41
ความไม่สมเหตุสมผลต่าง ๆ และยังสามารถรักษาอุดมการณ์ทางการเมืองแบบนั้นได้ ขณะที่ชนชั้นต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นที่แบ่งแบบลัทธิมาร์กซ (Marxism) ที่แบ่งชนชั้นระหว่าง ชนชั้นแรงงาน (proletariat)
กับนายทุน (bourgeois) โดยแบ่งระหว่างผู้ไม่มีปัจจัยการผลิต กับผู้ถือปัจจัยการผลิต ตามล�าดับ
42
หรือจะเป็นความสัมพันธ์หรือสถานะทางสังคมแบบอื่น เช่น อาชีพ หรือ ต�าแหน่งทางราชการต่าง ๆ
ต้องสลายชนชั้นให้ทุกคนเป็นมวลชน หรือ “ประชาชน” เหมือนกันหมด เพื่อที่จะท�าให้พันธนาการ
พันธะ ที่เคยมีมา ให้มาอยู่ภายใต้ผู้น�าอุดมการณ์ เพื่อจะได้บรรลุจุดประสงค์ของระบอบ ที่ท�าหน้าที่
เป็นที่ยึดเหนี่ยวของมวลชนที่หมดซึ่งฐานะของตนเอง อุดมการณ์ของเบ็ดเสร็จนิยมจึงเป็นไปได้จาก
การถอดตัวตนของมนุษย์ที่มีอยู่ และหลอมรวมให้มวลชนที่เป็นลักษณะอณูที่มีเป้าหมายที่ถูกยึดเหนี่ยว
ด้วยอุดมการณ์เดียวกัน ท�าให้เกิดพลังตามที่อุดมการณ์นั้นต้องการ เมื่อนั้น การขับเคลื่อนของมวลชน
ก็จะเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและเต็มใจอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการเชื่อฟังผู้น�าอย่างสมบูรณ์แบบ
เป็นเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ที่ทุกคนมีการยอมรับในอุดมการณ์ร่วมกัน
2.2 จักรวรรดินิยมกับการสลายชนชั้นเพื่อหลอมรวม
เป็นมวลชน
ในยุคที่จักรวรรดินิยม (imperialism) นั้นมีการแผ่ขยายไปทั่วโลก ซึ่งเป็นยุคที่มีการพัฒนา
เกิดขึ้นในทวีปเอเชียและแอฟริกา ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ประเทศเจ้าอาณานิคมนั้นหยิบยื่น “ความเจริญ” ให้
ซึ่งประเทศมหาอ�านาจในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน หรือสเปน วิธีการที่จะเข้าไปนั้น
คือการเอานายทุนเข้าไปลงทุน ในช่วงนั้นซึ่งเป็นปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ที่เพิ่งผ่าน
การปฏิวัติอุตสาหกรรมมาไม่นาน เศรษฐกิจแบบทุนนิยมก�าลังเติบโต อาเรนดท์จึงเสนอว่า เป็นเวลาที่
ชนชั้นนายทุนได้รับการปลดเปลื้อง (emancipation) ชนชั้นนายทุนนั้นสามารถได้รับผลประโยชน์ทาง
41 Ibid., 12.
42 Karl Marx and Friedrich Engels, The Communist Manifesto (New York: International Publishers Co, 2014).