Page 222 - kpiebook66030
P. 222

สรุปการประชุมวิชาการ
     212 สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 24
       ความท้าทายของความมั่นคงใหม่กับประชาธิปไตย


           1.   บทบาทของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในภูมิภาคยุโรป
                 ผ่านสงครามรัสเซีย-ยูเครน


                 ภาพที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนทั่วโลกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อประธานาธิบดี
           ยูเครน นายโวโลดิมียร์ เซเลนสกี ได้ต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการของนายบอริส
           จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ถือว่าเป็นการเยือนครั้งแรกของผู้นำ
           โลกประชาธิปไตยที่มาจากทวีปยุโรป นักวิชาการหรือสำนักข่าวบางแห่งได้มีการเปรียบเทียบว่า
           รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้เดินทางมาเยือนยูเครนก่อนที่สองประเทศผู้นำของสหภาพยุโรป

           ได้แก่ นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรี
           คนใหม่ของเยอรมนี ที่ยังไม่มีสัญญาณใดๆว่าจะมีการเยือนประเทศยูเครน จากเหตุการณ์นี้
           สะท้อนให้เห็นนัยยะทางการแข่งขันภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ของสหราชอาณาจักรที่ได้มีการแข่งขันกับ

           กลุ่มประเทศผู้นำสหภาพยุโรป โดยรัฐบาลอังกฤษได้แสดงตนอย่างชัดเจนในการกลับมา
           มีบทบาททางด้านความมั่นคงการทหารในยุโรปอีกครั้ง ภายหลังที่ได้ถอนตัวออกจากการเป็น
           ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลของนายบอริส
           ได้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่า สหราชอาณาจักรจะเป็นผู้นำในการเผชิญหน้ากับความก้าวร้าว
           ความรุนแรงในการใช้อำนาจของรัฐบาลรัสเซียต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน และที่สำคัญรัฐบาล

           มีความต้องการที่จะกลับมาสร้างอิทธิพลด้านความมั่นคงและแสนยานุภาพทางการทหาร
           ในภูมิภาคยุโรปอีกครั้งภายใต้แนวคิด ‘Global Britain’ (Tisdall, 2022) สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ
           ที่กระตุ้นให้สหราชอาณาจักรเข้าไปมีบทบาทในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งถือว่าเป็นสงคราม

           ครั้งยิ่งใหญ่ในยุโรปหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 คือ ปัจจัยแรก ได้แก่
           สหราชอาณาจักรมองว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนในครั้งนี้เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่าง
           ระบอบประชาธิปไตยและระบอบอำนาจนิยมทั่วโลก ดังนั้นสหราชอาณาจักรจึงเข้าไปมีบทบาท
           ผ่านความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา (The US-UK Special
           Relationship) ภูมิหลังและประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศที่มีความผูกพันกันในด้าน

           ความมั่นคงทางการทหาร ทำให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในผู้นำองค์การสนธิสัญญา
           แอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation: NATO) หรือที่รู้จักกันในนาม
           องค์การนาโต ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งและดำเนินนโยบายความร่วมมือทางการเมืองและ

           การทหารของประเทศค่ายเสรีประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์และอำนาจนิยม (Foerster
           & Raymond, 2017) ปัจจัยที่สอง ได้แก่ นโยบายต่างประเทศของสหราชอาณาจักรหลังจาก
           ออกจากการเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รัฐบาลมีความต้องการที่จะขยายอิทธิพลและ
    บทความที่ผ่านการพิจารณา   สหราชอาณาจักรจึงเข้าไปมีบทบาทในสถานการณ์โลกที่สำคัญซึ่งได้แก่สงครามรัสเซีย-ยูเครน
           รักษาบทบาทของประเทศในฐานะ ‘Great Power’ ในบริบทของเวทีโลก (Morris, 2020)



           ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน เพื่อยังคงรักษาความเป็นผู้นำในด้านโลกประชาธิปไตยแม้ว่า
           การเมืองภายในประเทศจะมีปัญหาเรื้อรังนับตั้งแต่ช่วงการทำประชามติในปี พ.ศ. 2559 และ
           ปัจจัยที่สาม คือ สหราชอาณาจักรกำลังแข่งขันเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำที่มีอำนาจและอิทธิพล
   217   218   219   220   221   222   223   224   225   226   227