Page 54 - kpiebook66025
P. 54
54 การรวมกลุ่มในรัฐสภาเพื่อกิจกรรมทางการเมืองของรัฐสภาอินโดนิเซีย
เพราะสุการ์โนเองก็ไม่มีอ�านาจที่แท้จริงและยังต้องเผชิญกับความไม่มีเสถียรภาพ
ทางการเมือง ดังนั้นสุการ์โนจึงใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการควบคุมสภาที่ปรึกษา
ประชาชน การใช้อ�านาจดังกล่าวไม่จ�าเป็นต้องมีการปรึกษาหารือกับสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรก่อน แต่ประธานาธิบดีสามารถด�าเนินการได้เลยเพื่อเป็นการรักษา
เสถียรภาพทางอ�านาจ
ตั้งแต่ประกาศเอกราชจนกระทั่งปี 1960 รัฐสภาสามารถออกกฎหมายได้
เพียง 9 ฉบับเท่านั้น กฎหมายส�าคัญที่ออกโดยรัฐสภาในยุคสุการ์โน คือ กฎหมาย
ที่อนุญาตให้ส่งอาสาสมัครเข้าร่วมเหตุการณ์การเผชิญหน้ากับมาเลเซีย หลังจาก
การประกาศการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเป็นแบบประชาธิปไตยแบบชี้น�า
ของสุการ์โนได้น�าไปสู่การลดบทบาทอ�านาจหน้าที่ของรัฐสภาลงอย่างมาก เพื่อช่วย
ให้การด�าเนินงานของรัฐบาลสามารถด�าเนินการได้ตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้
แต่ถึงกระนั้นสุการ์โนก็ไม่ได้มีการยกเลิกอ�านาจของรัฐสภาเนื่องจากความต้องการ
ในการรักษาเสถียรภาพทางการเมืองเอาไว้ พร้อมกับสมาชิกพรรคการเมืองหลายพรรค
ไม่เห็นด้วยที่จะให้ระบบรัฐสภาถูกท�าลายลง แต่สุดท้ายแล้วนั้นระบอบประชาธิปไตย
ในช่วงต้นของอินโดนีเซียก็เป็นอันล้มเหลวไปในที่สุด เนื่องจากสภาพสังคมอินโดนีเซีย
ที่ถูกพันธนาการจากวัฒนธรรมและโครงสร้างทางกฎหมายแบบรัฐเผด็จการ
ดังนั้นแนวคิดแบบประชาธิปไตยจึงถูกจ�ากัดอยู่เฉพาะชนชั้นน�าเท่านั้น ระบอบ
ประชาธิปไตยแบบรัฐสภาในอินโดนีเซียจึงถึงจุดหักเหครั้งส�าคัญ และพบจุดจบ
อย่างรวดเร็วในช่วงต้นของอินโดนีเซีย
2) บทบาทของรัฐสภาในฐานะตรายางยุคระเบียบใหม่ (1966 - 1997) 28
ภายหลังการยึดอ�านาจในปี 1965 พร้อมทั้งการกวาดล้างพรรคคอมมิวนิสต์
อินโดนีเซีย พลเอกสุฮาร์โตได้เริ่มต้นสถาปนายุคระเบียบใหม่ให้เป็นยุคที่เน้นความส�าคัญ
28 จากการศึกษาพบว่างานศึกษาเกี่ยวกับรัฐสภาอินโดนีเซียได้นิยามรัฐสภาในยุคระเบียบใหม่ว่า
“สภาตรายาง” หรือในภาษาอังกฤษ คือ rubber - stamp parliament ดูเพิ่มเติมจากงานของ
Stephen Sherlock “People’s forum or chamber of cronies?: The Parliament in Indonesia’s
decade of democracy”, in Aspinall, E. & Mietzner, M., Problems of Democratisation
in Indonesia, ISEAS, Singapore, 2011 และ Patrick Ziegenhai, The Indonesian Parliament
and Democratization, Singapore : Institute of Southeast Asian Studies,2008.