Page 56 - kpiebook66025
P. 56

56     การรวมกลุ่มในรัฐสภาเพื่อกิจกรรมทางการเมืองของรัฐสภาอินโดนิเซีย



                   ระบอบการปกครองใหม่ยังฉวยโอกาสในการปรับปรุงโครงสร้างการผูกขาด

            อ�านาจทางการเมืองในระบบรัฐสภา กล่าวคือ ระบบรัฐสภาของอินโดนีเซียประกอบด้วย
            2 สภาหลัก คือ สภาที่ปรึกษาประชาชน ท�าหน้าที่เป็นรัฐสภา ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 1970
            สภาที่ปรึกษาประชาชนไม่ใช่สภาที่ปรึกษาประชาชนที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป้าหมายเฉพาะ

            กิจทางการเมืองเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นสถาบันทางนิติบัญญัติที่มีอ�านาจสูงสุดครอบง�า

            บทบาทของสภาผู้แทนราษฎร ในทางปฏิบัติแล้วนั้นสมาชิกสภาที่ปรึกษาประชาชน
            และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกใช้เป็นเครื่องมือในการครองอ�านาจของประธานาธิบดี
            สุฮาร์โตอย่างมั่นคง สภาที่ปรึกษาประชาชนหรือรัฐสภามีสมาชิกมากถึง 1,000 คน

                                                                               29
            โดยส่วนหนึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารและต�ารวจ
            กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเข้าไปสมทบกับสมาชิกประเภทแต่งตั้ง
            ในสภาที่ปรึกษาประชาชน เพื่อประกอบกันขึ้นมาเป็นรัฐสภาอินโดนีเซีย จะต้อง
            ไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและอ�านาจของประธานาธิบดีสุฮาร์โต

            เพราะรัฐสภาอินโดนีเซียในขณะนั้นเปรียบเสมือนสภาตรายางในการรองรับความชอบธรรม

            ส�าหรับการครองอ�านาจของประธานาธิบดีสุฮาร์โต เพราะตราบใดที่ประธานาธิบดีสุฮาร์โต
            ยังคงเป็นเพียงผู้เดียวที่มีอ�านาจภายใต้รัฐสภาที่สมาชิกส่วนใหญ่มาจากการแต่งตั้ง
            ของเขาเอง เสถียรภาพทางการเมืองก็ยังคงด�ารงอยู่


                   เมื่อเงื่อนไขและกติกาทางการเมืองได้รับการดัดแปลงให้มีความชอบธรรม
            ตามกลไกของระบบรัฐสภาที่ถูกครอบง�าโดยอ�านาจฝ่ายบริหารอย่างมั่นคงแล้ว

            ขณะเดียวกันพรรคการเมืองก็ถูกท�าลายและถูกบีบบังคับด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ออกโดย

            รัฐสภาจนลดลงเหลือเพียงแค่ 2 พรรคการเมืองเท่านั้น โดยพรรคกอลคาร์เป็นพรรค
            ที่มีอ�านาจสูงสุดและชนะทุกการเลือกตั้งตลอดยุคระเบียบใหม่ ในขณะที่รัฐสภา
            ไม่ได้จัดท�าหรือออกกฎหมายมาแม้แต่ฉบับเดียวที่เกิดจากการริเริ่มของรัฐสภาเอง

            แต่บทบาทของการร่างกฎหมายและเสนอกฎหมายถูกเปลี่ยนไปสู่ฝ่ายบริหารและ

            ผู้น�ารัฐบาล รัฐสภาจึงมีหน้าที่เป็นเพียงตราประทับรับรองการมีอยู่ของกฎหมาย
            แต่ละฉบับเท่านั้น




            29  ภูวดล ทรงประเสริฐ, อินโดนีเซียอดีตและปัจจุบัน (กรุงเทพ ฯ : ส�านักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์
            มหาวิทยาลัย, 2547), น. 475 - 477.
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61