Page 38 - kpiebook66023
P. 38

มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม




                                                          บทที่ 4

                        วิเครำะห์รูปแบบนิติบุคคลที่เหมำะสมเพื่อกำรส่งเสริมวิสำหกิจเพื่อสังคมภำยใต้

                                    พระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562



                  4.1 บทบัญญัติภำยใต้พระรำชบัญญัติส่งเสริมวิสำหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562 ที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบนิติบุคคล

                                4.1.1 มำตรำ 3 ค ำนิยำมตำมกฎหมำยของวิสำหกิจเพื่อสังคม
                                “วิสาหกิจเพื่อสังคม” หมายความว่า บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ตั้ง
                  ขึ้นตามกฎหมายไทย ซึ่งด าเนินกิจการเกี่ยวกับการผลิต การจ าหน่ายสินค้า หรือการบริการ โดยมี

                  วัตถุประสงค์เพื่อสังคมเป็นเป้าหมายหลักของกิจการ และได้รับการจดทะเบียนตามพระราชบัญญัตินี้

                                ค านิยามตามกฎหมายของวิสาหกิจเพื่อสังคมเป็นบทบัญญัติที่ก าหนดเรื่ององค์ประกอบ
                  ของการเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมตามกฎหมาย หากเข้าองค์ประกอบครบถ้วนตามที่กฎหมายก าหนด วิสาหกิจ

                  เพื่อสังคมจะสามารถได้รับการส่งเสริมต่าง ๆ ค านิยามจึงเป็นสิ่งที่ก าหนดสถานะตามกฎหมายขององค์กร
                  รูปแบบต่าง ๆ องค์ประกอบของกฎหมายวิสาหกิจเพื่อสังคมตาม มาตรา 3 มีดังนี้

                                (1) วิสาหกิจเพื่อสังคมต้องจัดตั้งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยเท่านั้น
                                รูปแบบนิติบุคคลตามกฎหมายไทยนั้น อาจแบ่งออกเป็นประเภทอย่างกว้างได้ 2 ประเภท
                  หลัก คือ 1. รูปแบบองค์กรแสวงหาก าไร ได้แก่ บริษัทจ ากัด  และห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (ประกอบด้วย
                                                                     59
                                           60
                  ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน  และห้างหุ้นส่วนจ ากัด ) ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ
                                                                61
                                                                     63
                  2. รูปแบบองค์กรไม่แสวงหาก าไร ได้แก่ มูลนิธิ  และสมาคม  ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                                                         62
                  นอกจากนี้ ยังมีนิติบุคคลอื่นภายใต้กฎหมายอื่น ๆ อีก เช่น รูปแบบสหกรณ์ประเภทต่าง ๆ อาทิ สหกรณ์
                  การเกษตร สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้านค้า หรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน  เป็นต้น อย่างไรก็ตาม
                                                                                    64
                  การศึกษาครั้งนี้จะเป็นการวิเคราะห์ข้อจ ากัดต่าง ๆ ของรูปแบบองค์กรประเภทบริษัทจ ากัด และมูลนิธิ
                  ภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นหลัก เนื่องจากเป็นรูปแบบนิติบุคคลหลักที่มีการน าไปใช้จด
                  ทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยจะมีการศึกษาในรายละเอียดต่อไป



                  59  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 1015 “ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทเมื่อได้จดทะเบียนตามบัญญัติแห่งลักษณะนี้
                  แล้ว ท่านจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นทั้งหลายซึ่งรวมเข้ากันเป็นหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น”
                  60  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 1064 “อันห้างหุ้นส่วนสามัญนั้น จะจดทะเบียนก็ได้...”
                  61  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 1078 “อันห้างหุ้นส่วนจ ากัดนั้น ท่านบังคับว่าต้องจดทะเบียน...”
                  62  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 122 “มูลนิธิที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล”
                  63  ประมวลกฎหมำยแพ่งและพำณิชย์ มำตรำ 83 “สมาคมที่ได้จดทะเบียนแล้วเป็นนิติบุคคล”
                  64  พระรำชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542 มำตรำ 37 “เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า สหกรณ์ตามที่ขอจด
                  ทะเบียนมีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 33 ค าขอจดทะเบียนมีเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามมาตรา 35 และการจดตั้งสหกรณ์
                  ตามที่ขอจดทะเบียนจะไม่เสียหายแก่ระบบสหกรณ์ ให้นายทะเบียนสหกรณ์รับจดทะเบียนและออกใบส าคัญรับจด
                  ทะเบียนแก่สหกรณ์นั้น                                                                     23
                         ให้สหกรณ์ที่ได้รับจดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล”
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43