Page 35 - kpiebook66023
P. 35
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
(Internal Revenue Code) ซึ่งมีเจตนารมณ์เพื่อให้มูลนิธิเอกชนสามารถลงทุนแบบ PRIs ใน L3C ได้โดย
54
ไม่สูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษี
L3C ไม่ได้มีการก าหนดสัดส่วนการแบ่งปันก าไรเหมือนกับ CIC ของสหราชอาณาจักร แต่
มีการแบ่งสัดส่วนของสมาชิกหรือนักลงทุนใน L3C เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ (1) กลุ่มนักลงทุนมูลนิธิขนาดใหญ่
ซึ่งมักจะเป็นกลุ่มที่ให้เงินบริจาคหรือ PRIs จะมีความเสี่ยงสูงที่สุดและได้รับค่าตอบแทนทีหลังสุด
ค่าตอบแทนจากการลงทุนจะอยู่ในอัตราประมาณร้อยละ 1 เท่านั้น (2) กลุ่มนักลงทุนเพื่อสังคม เช่น
บริษัทเอกชน ทรัสต์ ธนาคารบางกลุ่ม หรือนักลงทุนบุคคล โดยกลุ่มนี้จะรับความเสี่ยงจากการลงทุนใน
ระดับปานกลาง ได้รับค่าตอบแทนล าดับที่สอง และได้รับผลตอบแทนระหว่างร้อยละ 0-5 และ (3) กลุ่ม
สุดท้ายประกอบด้วย นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน นักลงทุนกองทุน เช่น กองทุนส ารอง
เลี้ยงชีพ และนักลงทุนอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ า นักลงทุนกลุ่มนี้จะได้รับการจ่าย
ค่าตอบแทนก่อน และในสัดส่วนที่มากกว่ากลุ่มอื่น เช่น ประมาณร้อยละ 6 โดย L3C จะก าหนดสัดส่วนของ
จ านวนนักลงทุนแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มหนึ่งและสองในสัดส่วนร้อยละ 25 และกลุ่มสามร้อยละ 50 ก็จะท าให้
เกิดการผสมผสานของการแบ่งปันผลในอัตราต่าง ๆ กัน (blended rate of return) และความเสี่ยงที่สูงก็
จะได้รับอ านาจในการบริหารจัดการ L3C ที่มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้น หากกลุ่มนักลงทุนหลักใน L3C เป็นกลุ่ม
องค์กรไม่แสวงหาก าไร ย่อมท าให้มั่นใจได้ว่า การตัดสินใจจะเป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์เป็นส าคัญ
ในขณะเดียวกันหาก L3C มีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ แม้แต่องค์กรไม่แสวงหาก าไรก็ไม่อาจ
55
ปัดความรับผิดชอบได้
อย่างไรก็ตาม มีแนวทางในการจัดการภายในของ L3C ที่หลากหลายและค่อนข้างซับซ้อนมาก
ทั้งยังเกี่ยวข้องกับนักลงทุนหลากหลายกลุ่ม ซึ่งมีความความหวังจากผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป สิ่งที่ผู้เขียน
ต้องการสะท้อนให้เห็นคือ รูปแบบองค์กรไม่เพียงแต่มีหลากหลายประเภท แต่การจัดการภายในองค์กรก็มี
ความหลากหลายมากพอ ๆ กัน ซึ่งท าให้เห็นว่า หากกฎหมายมีความยืดหยุ่นมากเพียงใด ก็จะช่วยให้ผู้ใช้
กฎหมายมีอิสระในการจัดการองค์กรได้เหมาะสมกับกิจกรรมของตนมากขึ้นเท่านั้น แต่กระนั้นก็ตาม
หากกฎหมายยืดหยุ่นมากเกินไป ก็อาจเกิดช่องโหว่ที่ท าให้คนบางกลุ่มหาทางหลีกเลี่ยงหรือท าผิดได้
3.2.2 Benefit Corporation (B Corp)
B Corp เกิดขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมประสบปัญหาขาดรูปแบบองค์กร
ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่จะท าธุรกิจที่มีเป้าหมายเพื่อสังคมได้ โดยเฉพาะการใช้อ านาจตัดสินใจ
ของกรรมการที่จะให้ความส าคัญกับประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียเหนือการสร้างก าไรสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่ง
กรรมการเกิดความกังวลว่าการกระท าเช่นนั้น อาจถือว่าไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามขอบอ านาจที่ได้รับ และอาจ
ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อผู้ถือหุ้นได้
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการป้องกันและตรวจสอบไม่ให้กรรมการไม่ด าเนินการให้
เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง สร้างความไม่มั่นใจให้กับประชาชนที่ต้องการสนับสนุน
54 Cody Vitello. (2011). Introducing the Low-Profit Limited Liability Company (L3C): The New Kid on the
Block. Loyola Consumer Law Review, 23(4), pp. 565-579, 569. 20
55 Ibid, pp. 571-572.