Page 36 - kpiebook66023
P. 36
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
กิจกรรมเพื่อสังคมขององค์กรดังกล่าวได้ ดังนั้น ใน ค.ศ. 2010 มลรัฐแมรีแลนด์ (Maryland) และ
เวอร์มอนต์ (Vermont) เป็นสองมลรัฐแรกที่ออกกฎหมายบริษัทรูปแบบใหม่ เรียกว่า Benefit
Corporation เพื่อหาทางแก้ปัญหาดังกล่าว หลังจากนั้นก็มีมลรัฐอื่น ๆ ออกกฎหมาย B Corp ตามมา
56
เช่นกัน เช่น แคลิฟอร์เนีย ฮาวาย นิวยอร์ก เวอร์จิเนีย นิวเจอร์ซี เป็นต้น
B Corp มีลักษณะที่เหมือนกับบริษัททั่ว ๆ ไปเกือบจะทุกประการ ยกเว้นการที่กฎหมาย
ก าหนดว่า B Corp มีหน้าที่ส าคัญที่จะต้องส่งเสริมประโยชน์ของสาธารณะเป็นหลัก มาตราของกฎหมาย
โดยหลักจะเป็นการคุ้มครองทรัพย์สินของ B Corp เพื่อให้แน่ใจว่าถูกน าไปใช้ประโยชน์เพื่อสังคมอย่าง
แท้จริง ไม่ใช่เป็นเพียงการฟอกเขียว (greenwashing) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรเท่านั้น
ข้อก าหนดดังกล่าวไม่ต่างจากแนวคิดเรื่อง asset lock ของ CIC และองค์กรการกุศลของสหราชอาณาจักร
และคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ
โดยปกติแล้วกฎหมายองค์กรธุรกิจหรือองค์กรไม่แสวงหาก าไรจะก าหนดให้กรรมการต้องมี
หน้าที่ตามกฎหมาย (fiduciary duties) หากไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ จะต้องรับโทษตามกฎหมาย หน้าที่ดังกล่าว
ได้แก่ หน้าที่ที่จะต้องใส่ใจและระมัดระวัง (duty of care) จะต้องปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต (good faith) และ
ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อองค์กร (duty of loyalty) หากกรรมการกระท าการใด ๆ ภายในขอบอ านาจหน้าที่
ดังกล่าวแล้ว ย่อมได้รับการจ ากัดความรับผิด ส าหรับ B Corp นั้น นอกเหนือจากหน้าที่ที่กล่าวแล้ว กฎหมาย
ยังก าหนดให้กรรมการของ B Corp จะต้องพิจารณาผลกระทบที่อาจจะเกิดกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดจาก
กิจกรรมใด ๆ ขององค์กร ไม่ใช่เสียพิจารณาเฉพาะผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเท่านั้น ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าว
หมายถึง พนักงาน ซัพพลายเออร์ ลูกค้า สิ่งแวดล้อม และสังคมส่วนรวมด้วย นอกจากนี้ กรรมการของ
B Corp ยังมีหน้าที่ต้องสร้างผลกระทบที่ดี (material, positive impact) ไม่เพียงต่อกลุ่มเป้าหมาย
57
ที่ต้องการช่วยเหลือเป็นพิเศษ แต่ยังต้องค านึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมของชุมชนและสังคมด้วย
เมื่อกฎหมายก าหนดให้เป็นหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว ย่อมท าให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ถือหุ้น
และกรรมการคนอื่น สามารถฟ้องร้องกรรมการที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายนั้นได้ รวมถึงการให้อ านาจผู้
ตรวจสอบบัญชีอิสระในการให้การรับรองหรือระงับการรับรองสถานะ B Corp ได้ นอกจากนี้ B Corp
จะต้องเปิดเผยข้อมูลการด าเนินงานต่อสาธารณะด้วย การให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นในการฟ้องร้องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
มากนัก ส่วนการให้อ านาจบุคคลภายนอก เช่น ผู้ตรวจสอบบัญชี ในการเข้าตรวจสอบดูแลเอกสารเกี่ยวกับ
การสร้างผลกระทบทางสังคมนั้น ถือเป็นเรื่องใหม่และเป็นจุดเด่นของ B Corp องค์กรภายนอกที่ท าหน้าที่
58
ตรวจสอบประเมิน และให้การรับรอง B Corp ที่เป็นที่รู้จักอย่างมากคือ B Lab และท้ายที่สุด B Corp
ยังต้องมีหน้าที่ให้สังคมภายนอกตรวจสอบได้ กล่าวคือ การจัดตั้ง B Corp เปรียบเหมือนการสร้างแบรนด์
อย่างหนึ่ง เพราะสังคมภายนอกจะรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นบริษัทที่ท าเพื่อประโยชน์ของสังคม ซึ่งย่อมหมายถึง
การถูกจับตามองโดยสังคมตลอดเวลา และ B Corp ยังต้องมีการจัดท ารายงานประจ าปี โดยเปิดเผยข้อมูล
56 Briana Cummings. (2012). Benefit Corporations: How to Enforce a Mandate to Promote the Public
Interest. Columbia Law Review, 112(3), pp. 578-627, 578-80.
57 Ibid, pp. 593-95. 21
58 B Lab. (n.d.). About B Lab. www.bcorporation.net/en-us/movement/about-b-lab