Page 33 - kpiebook66023
P. 33
มาตรการทางกฎหมาย : ศึกษารูปแบบนิติบุคคลที่เหมาะสมเพื่อการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
กฎหมาย L3C ไม่ได้เป็นกฎหมายกลาง (federal law) ที่บังคับให้ทุกมลรัฐของ
สหรัฐอเมริกาต้องน าไปใช้ มลรัฐเวอร์มอนต์ (Vermont) เป็นรัฐแรกที่ตัดสินใจออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งก็
เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นการบังคับให้วิสาหกิจเพื่อสังคมทุกแห่งในรัฐจะต้องจัดตั้ง L3C
เหตุผลส าคัญประการหนึ่งที่ท าให้เกิดกฎหมายลูกผสมในลักษณะนี้คือ กฎหมายที่มีอยู่เดิมที่รองรับองค์กร
ไม่แสวงหาก าไรและองค์กรธุรกิจแบบดั้งเดิม ไม่อาจตอบสนองความต้องการและธรรมชาติของวิสาหกิจเพื่อ
สังคมซึ่งมีความเป็นลูกผสมได้อย่างเหมาะสม
กฎหมาย L3C เป็นรูปแบบองค์กรประเภทบริษัทจ ากัดความรับผิด (limited liability
company) ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้เจ้าของบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายทางสังคมและการศึกษา
ได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสร้างรายได้จากการค้าขายและบริการ การที่ L3C เป็นบริษัท ท าให้
ได้รับประโยชน์จากกฎหมายบริษัทหลายประการ เช่น การจ ากัดความรับผิดของผู้ถือหุ้น การจัดตั้งที่ง่าย
การหารายได้และบริหารจัดการก าไรขาดทุนที่มีความยืดหยุ่น และเป็นที่ดึงดูดนักลงทุน เพราะเป็นรูปแบบ
องค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ความแตกต่างระหว่างบริษัทจ ากัดทั่วไปกับ L3C เป็นเรื่องของ
วัตถุประสงค์ของบริษัท กฎหมายบริษัททั่วไป รวมถึงประเทศไทย มักก าหนดว่าบริษัทต้องมีวัตถุประสงค์
เพื่อแสวงหาก าไรเท่านั้น แต่ L3C อนุญาตให้สามารถมีวัตถุประสงค์เพื่อสังคมได้ด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้ว
วัตถุประสงค์เพื่อสังคมการศึกษา ถือเป็นเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามของการจัดตั้ง L3C ซึ่งในบางรัฐก าหนดให้
50
ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า วัตถุประสงค์เพื่อสังคมต้องมาก่อน เป้าหมายทางการเงินอีกด้วย
ข้อดีหลักของ L3C คือ การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมสามารถตั้งพันธกิจทาง
สังคม (social mission) แต่ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ความเป็นบริษัทดึงดูดเงินทุนจากหลากหลายแหล่ง
ทั้งจากนักลงทุน เงินบริจาค หรือแม้แต่เงินกู้ยืมจากธนาคาร เป็นต้น ซึ่งต่างจากองค์กรไม่แสวงหาก าไรซึ่งมี
ข้อจ ากัดในเรื่องการหารายได้อย่างมาก ท าให้ต้องพึ่งพาเงินบริจาคและเงินสนับสนุนจากภาครัฐเป็นส าคัญ
ซึ่งไม่มีความแน่นอนและมั่นคงเลย แต่อย่างที่กล่าวไปแล้ว เงื่อนไขของ L3C คือการมีพันธกิจเพื่อสังคม
ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของกรรมการ (หน้าที่ของกรรมการจะก าหนดไว้ใน
ข้อบังคับของบริษัทอย่างชัดแจ้ง) ที่จะต้องแน่ใจว่า มีการสร้างประโยชน์เพื่อสังคมตลอด หาก L3C ไม่สามารถ
แสดงให้เห็นได้ว่ามีการสร้างประโยชน์แก่สังคม ก็จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นบริษัทจ ากัดทั่วไปทันที อย่างไรก็ตาม
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงพันธกิจทางสังคมสามารถท าได้โดยการแก้ไขระเบียนข้อบังคับของบริษัทเท่านั้น
51
โดยไม่จ าเป็นต้องแจ้งสาธารณะ ท าให้เกิดข้อถกเถียงว่า อาจมี L3C บางแห่งที่มาหลอกลวงประชาชนได้
แต่จริง ๆ แล้ว การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับบริษัท ถือเป็นการแก้ไขในสาระส าคัญ
ดังนั้น จึงต้องมีการจดทะเบียนด้วย ซึ่งก็ถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณะอยู่แล้ว แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่
ทุกคนจะคอยตรวจสอบทะเบียนบริษัทอยู่เสมอ ผู้เขียนมองว่า แม้ว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงจะเพื่ออ านวย
ความสะดวกให้กับผู้ประกอบการเพื่อสังคม แต่หากเกิดขึ้นง่ายเกินไป หรือบ่อยเกินไป ย่อมกระทบต่อความ
50 Dana Thompson. (2012). L3C: An Innovative Choice for Urban Entrepreneurs and Urban Revitalization.
American University Business Law Review, 2(1). pp. 115-152. 18
51 Ibid, p. 143.