Page 160 - kpiebook66022
P. 160
สถาบันพระปกเกล้า
King Prajadhipok’s Institute
ที่สุดคือ ขีดความสามารถของกรรมาธิการในการทำาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ (L4) ได้คะแนนที่ระดับ “สูง”
ที่ 3.09 โดยข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างมีความเห็นเป็นสองทางคือ คือเห็นว่า บุคลากรในคณะกรรมาธิการ
มีความรู้ หลาย ๆ ท่านเป็นนักวิชาการในประเด็นนั้น ๆ โดยตรง แต่อีกทางหนึ่งเห็นว่า กรรมาธิการยังขาด
ความรู้ความสามารถ ต้องหาผู้มีความรู้ หรือผู้ช่วยมาดำาเนินการจัดทำาเรื่องที่เกี่ยวข้อง จึงควรกำาหนด
เกณฑ์ในการเลือกกรรมาธิการที่มีความสามารถ และมีความรู้เฉพาะด้านมาเป็นกรรมาธิการเพื่อดำาเนินงาน
ตามกิจการต่าง ๆ แต่ในภาพรวม ถือว่ากรรมาธิการทำาหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่คาดไว้
โดยองค์ประกอบย่อยด้านกรอบแนวคิด และกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายในรัฐสภา และ
คณะกรรมาธิการ (L1) ได้คะแนนรองลงมาที่ 2.84 ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าการดำาเนินกระบวนการนิติบัญญัติ
ของสภาชุดนี้ยังมีข้อจำากัด แนวทางการเสนอกฎหมายถูกครอบงำาโดยรัฐบาล โดยเฉพาะการนำาเสนอ
ข้อมูลเน้นจากส่วนราชการยังไม่มีความหลากหลายในชั้นกรรมาธิการ ทำาให้กฎหมายไม่ได้ยึดความต้องการ
ของประชาชนเท่าที่ควรกระบวนการพิจารณากฎหมายมีความซับซ้อนหลายขั้นตอน ทำาให้การผลักดัน
กฎหมายทำาได้ยาก ต่อมาคือองค์ประกอบย่อยด้านคุณลักษณะของกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ
รัฐสภา (L3) ได้คะแนน 2.75 กลุ่มตัวอย่างเห็นว่ากฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภายังมีระดับ
ภาษาที่ยากต่อการเข้าใจสำาหรับประชาชนทั่วไป กฎหมายที่ตราขึ้นมีลักษณะเป็นการแก้ไขเฉพาะเรื่อง
โดยไม่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ และไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงกับประชาชนนัก ที่สำาคัญรัฐสภาสื่อสาร
ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารกฎหมายได้ไม่ดีนัก ทั้งนี้ องค์ประกอบย่อยที่ได้คะแนนใกล้เคียงกันคือ
การมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย (L2) ที่คะแนน 2.73 กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า การเสนอ
กฎหมายโดยประชาชนได้ยากกว่ามาก อย่างไรก็ดี กระบวนการในปัจจุบันถือว่ามีความโปร่งใสมาก
มีการรับฟังความเห็นอยู่ตลอด แต่ในแง่ของผลการดำาเนินการส่วนใหญ่เห็นว่ามักจะมีธงที่ชัดเจนอยู่แล้ว
ในการรับฟังความเห็น ทำาให้ความเห็นต่างหลายๆ ส่วนถูกปิดกั้น และโอกาสในการเข้าถึงค่อนข้างน้อย
ส่วนกรอบระยะเวลาและงบประมาณในการตรากฎหมาย (L5) เป็นองค์ประกอบย่อยที่ได้คะแนน
น้อยที่สุดที่ 2.58 โดยกลุ่มตัวอย่างเห็นค่อนข้างตรงกันว่ารัฐสภาใช้งบประมาณด้านนี้ยังไม่เหมาะสม
เนื่องจากงบประมาณส่วนใหญ่ยังไม่ได้ถูกนำามาใช้เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน งบประมาณ
หลาย ๆ ส่วนถูกใช้อย่างสิ้นเปลืองกับการประชุมที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับปริมาณและคุณภาพ
ของกฎหมายที่ได้ นอกจากนี้ ยังขาดการประชาสัมพันธ์ของรัฐสภาเกี่ยวกับกระบวนการตรากฎหมาย
ทำาให้ประชาชนไม่ให้ความสนใจกฎหมายที่ตราออกมาแล้วส่วนใหญ่ยังไม่เกี่ยวข้องกับประชาชนเท่าที่ควร
5.1.3.3 ผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาในด้านการตรวจสอบฝ่ายบริหาร
การประเมินในด้านนี้ แบ่งเป็น 5 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ ระบบการได้มาซึ่ง
ข้อมูลและการตรวจสอบการทำางานของฝ่ายบริหาร (O1) ระบบและขั้นตอนการพิจารณาและตรวจสอบ
งบประมาณประจำาปี (O2) กระบวนการในการกลั่นกรองและตรวจสอบการทำาหน้าที่ของฝ่ายบริหารและ
องค์กรอิสระ (O3) ความเป็นอิสระ และเอกเทศในการทำางานของรัฐสภาจากฝ่ายบริหาร (O4)
ปัจจัยสนับสนุนการทำางานของสมาชิกรัฐสภา (O5)
146