Page 161 - kpiebook66022
P. 161
การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภา
โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)
โดยผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาโดยภาพรวม ในด้านการตรวจสอบ
ฝ่ายบริหาร พบว่าอยู่ในระดับ “ปานกลาง” โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.90 เท่ากับด้านการทำาหน้าที่นิติบัญญัติ
แต่มีคะแนนขององค์ประกอบย่อยที่ได้ระดับ “สูง” อยู่ 2 องค์ประกอบย่อยคือ ระบบการได้มาซึ่ง
ข้อมูลและการตรวจสอบการทำางานของฝ่ายบริหาร (O1) ได้คะแนนที่ 3.05 และ ระบบและขั้นตอน
การพิจารณาและตรวจสอบงบประมาณประจำาปี (O2) ได้คะแนน 3.02 โดยประเด็นเกี่ยวกับระบบการได้มา
ซึ่งข้อมูลและการตรวจสอบการทำางานของฝ่ายบริหาร ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่ากลไกในการตั้งกระทู้ถาม
ของรัฐสภายังทำาได้ไม่ดีนัด โดยเห็นว่าเป็นเพียงการตั้งกระทู้เพื่อเรียกกระแสมากกว่าจะนำาไปสู่การแก้ไข
ปัญหาสังคมหรือการขับเคลื่อนนโยบายในเชิงมหภาค และภาคประชาชนไม่ทราบระบบการตั้งกระทู้
ภายในรัฐสภา เนื่องจากรัฐบาลและรัฐสภาไม่เคยแจ้งหรือประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ กรอบระยะ
ในการตรวจสอบการทำางานฝ่ายบริหารนั้นอาจไม่เหมาะสมกับประเด็นที่ตรวจสอบ รวมทั้งระบบการได้มา
ซึ่งข้อมูลนั้นฝ่ายบริหารมักจะประท้วงก่อนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายจบ จึงทำาให้กระบวนการตรวจสอบ
ของรัฐสภาไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ทั้งนี้ องค์ประกอบย่อยในประเด็นระบบและขั้นตอนการพิจารณา
และตรวจสอบงบประมาณประจำาปี กลุ่มตัวอย่างให้ข้อมูลที่น่าสนใจในเรื่องของระบบและขั้นตอน
การพิจารณาและตรวจสอบงบประมาณประจำาปีว่ารัฐสภาควรมีอำานาจในการตัดสินใจ เช่น การยับยั้ง
การใช้จ่ายที่เกินความจำาเป็นของงบประมาณประจำาปีในแต่ละปี รายละเอียดของแต่ละโครงการของรัฐ
ที่ฝ่ายบริหารไม่ชัดเจนเท่าใดนัก ทำาให้การจัดสรรงบประมาณไม่มีประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร ที่สำาคัญคือ
การรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปีมีน้อย
องค์ประกอบย่อยที่ได้คะแนนใกล้เคียงรองลงมาคือปัจจัยสนับสนุนการทำางาน
ของสมาชิกรัฐสภา (O5) ได้คะแนน 2.99 พบว่า ระบบการมีผู้ช่วยดำาเนินการของสมาชิกรัฐสภา
ยังมีความจำาเป็น แต่ต้องปรับปรุงการกำาหนดคุณสมบัติให้เหมาะสมมีกระบวนการตรวจสอบการได้มา
กระบวนการติดตามการทำางาน และปรับปรุงสภาพการทำางานและสวัสดิการให้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในเรื่องของ
ข้อมูลสนับสนุนการทำางานโดยสำานักงานเลขาธิการของทั้ง 2 สภา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า
มีการสนับสนุนข้อมูลอยู่แล้ว และมีทีมผู้เชี่ยวชาญให้ข้อมูลและทีมงานสนับสนุนที่ดี ทั้งนี้ องค์ประกอบ
ความเป็นอิสระและเอกเทศในการทำางานของรัฐสภาจากฝ่ายบริหาร (O4) ได้คะแนน 2.84 พบว่า
โดยส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ารัฐสภาควรเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารในการปฏิบัติหน้าที่
ที่อยู่ในเขตอำานาจของตน อาทิ การบริหารงบประมาณ บุคลากร การกำาหนดวาระการประชุม ตารางเวลา
การประชุม รวมทั้งการแต่งตั้งบุคลากรที่ทำางานเพื่อสนับสนุนรัฐสภา และองค์ประกอบย่อยที่ได้คะแนน
น้อยที่สุดที่ 2.46 คือ กระบวนการในการกลั่นกรองและตรวจสอบการทำาหน้าที่ของฝ่ายบริหารและ
องค์กรอิสระ (O3) พบว่ารัฐสภาควรทำาหน้าที่ตรวจสอบเพื่อการถ่วงดุลและเสนอให้มีการตรวจสอบ
คุณสมบัติในการแต่งตั้งรัฐมนตรี บุคคลในองค์กรอิสระให้มากกว่าเดิม
5.1.3.4 ผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาในด้านความโปร่งใสและการเข้าถึงได้
การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภาด้านความโปร่งใสและการเข้าถึงได้
ของรัฐสภานั้น จำาแนกออกเป็น 8 ด้าน ได้แก่ การเปิดเผยข้อมูลผลการประชุมของรัฐสภา และ
147