Page 159 - kpiebook66022
P. 159

การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภา
                                                  โดยใช้เกณฑ์และตัวชี้วัดของ Inter-Parliamentary Union (IPU)

                         ผลการศึกษาพบว่าโดยรวมมีการดำาเนินงานอยู่ในระดับปานกลาง โดยมีค่าเฉลี่ย
                           ่
            2.50   โดยเป็นด้านที่ตำาที่สุดในการประเมินผลรวมทั้งหมด 6 ด้าน ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายองค์ประกอบย่อย
            พบว่า ความโปร่งใสในการได้มาของสมาชิกรัฐสภา (R4)  มีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด โดยมีการดำาเนินงานอยู่ใน
            ระดับปานกลาง ที่ 2.85 ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มที่ให้ความเห็นองค์ประกอบ
            นี้ว่า ในส่วนกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรค่อนข้างมีความโปร่งใส แต่มีข้อจำากัดในการเข้าถึง
            ข้อมูลและกระบวนการคำานวณคะแนนเลือกตั้ง รวมถึงแนวทางในการตรวจสอบการทุจริต ส่วนการได้มา

            ซึ่งสมาชิกวุฒิสภานั้น เห็นว่าในส่วนของการเลือกสมาชิกของคณะกรรมการคัดเลือกที่แต่งตั้งโดย
            คณะรักษาความสงบแห่งชาตินั้นไม่สามารถตรวจสอบกระบวนการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาได้  แต่กระบวนการ
            สรรหาสมาชิกวุฒิสภาในกรณีเลือกกันเอง 50 คน ค่อนข้างมีความโปร่งใสอยู่ ส่วนองค์ประกอยย่อย
            ด้านระบบและกลไกการบริหารจัดการของรัฐสภา เพื่อสร้างความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน
            ในการทำาหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา (R3) ซึ่งได้คะแนนรองลงมาที่ 2.55 นั้น กลุ่มตัวอย่างให้ความเห็น
            ว่ารัฐสภามีการจัดการให้มีสภาพแวดล้อมการทำางานให้การทำางานร่วมกันระหว่างเพศชายและเพศหญิง
            มีประสิทธิภาพพอสมควร  แต่ในแง่การเป็นเวทีที่ให้แสดงความคิดอย่างหลากหลายและแสดงความห่วงกังวล
            ของประชาชนนนั้น แม้การแสดงความคิดเห็นยังต้องดำาเนินการตามแนวทางที่พรรคการเมืองกำาหนดไว้อยู่
            แต่ทั้งสองสภาก็มีประสิทธิภาพในการทำางานอย่างเป็นอิสระได้ ต่อมาคือ ส่วนองค์ประกอบย่อยด้านบทบาท

            ของพรรคการเมืองในการสร้างความหลากหลายของสมาชิกในรัฐสภา (R2) อยู่ในระดับปานกลาง
            ที่ค่าเฉลี่ย 2.32 โดยเห็นว่าแม้จะมีการเปิดกว้างมากขึ้น แต่ละพรรคก็มีวิธีการในการจัดสรรผู้สมัคร
            ในนามของพรรคที่มีความหลากหลายมากขึ้น แต่กลไกการได้รับการคัดเลือกผู้เป็นตัวแทนพรรคนั้น
            พรรคการเมืองมุ่งคัดเลือกบุคคลเพื่อแข่งขันในสนามเลือกตั้งโดยพิจารณาปัจจัยเรื่องความเป็นไปได้
            ที่จะชนะการเลือกตั้งและความได้เปรียบทางการเมืองเป็นหลัก และสุดท้าย ความหลากหลายของ
            สมาชิกรัฐสภา (R1)  มีค่าเฉลี่ย 2.23 กลุ่มตัวอย่างเห็นว่า รัฐสภาในส่วนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
            ทั้งในแง่จุดยืนทางการเมือง สถานภาพทางเศรษฐกิจ และเพศ มีแนวโน้มที่จะมีความหลากหลายมากขึ้น

            กว่าในอดีต แต่ในส่วนของสมาชิกวุฒิสภายังมีที่มาจากคนกลุ่มข้าราชการทั้งช้าราชการประจำาและตำารวจ
            ทหารเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งได้มาจากกระบวนการเลือกจากกลุ่มคนเดียวกันเกือบทั้งหมด ทำาให้ไม่สะท้อนถึง
            ความหลากหลายเท่าที่ควร
                    5.1.3.2 ผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาในด้านการทำาหน้าที่นิติบัญญัติ
                         การประเมินผลการดำาเนินงานของรัฐสภาด้านการทำาหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัตินั้น
            จำาแนกออกเป็น 5 องค์ประกอบย่อย ได้แก่กรอบแนวคิด และกระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายในรัฐสภา
            และคณะกรรมาธิการ (L1) การมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย (L2) คุณลักษณะของกฎหมาย
            ที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา (L3) ขีดความสามารถของกรรมาธิการในการทำาหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ (L4)
            กรอบระยะเวลาและงบประมาณในการตรากฎหมาย (L5)

                         โดยผลการประเมินการดำาเนินงานของรัฐสภาโดยภาพรวม ในด้านการทำาหน้าที่
            ฝ่ายนิติบัญญัติ พบว่าอยู่ในระดับ “ปานกลาง” โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.90 โดยองค์ประกอบย่อยที่ได้คะแนนมาก


                                                                                  145
   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163   164