Page 42 - kpiebook66015
P. 42
มีความรับผิดชอบทางการเมืองตามมา อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไม่มีการถอนร่างกฎหมายนั้น ถ้าหากผลการลง
54
ประชามติปรากฏว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ไม่ให้ความเห็นชอบ ร่างกฎหมายนั้นต้องตกไป
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญประเทศเดนมาร์กยังก าหนดให้กฎหมายบางประเภท เสียงข้างน้อยในรัฐสภา
จะขอให้มีการน าไปลงประชามติไม่ได้ ได้แก่ ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน (งบประมาณ หนี้รัฐบาล หรือภาษี
ฯลฯ) ร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเวนคืน ร่างกฎหมายที่ต้องออกเพื่อด าเนินการให้เป็นไปตามสนธิสัญญาที่ลง
55
นามไว้ เป็นต้น เนื่องจาก ร่างกฎหมายเหล่านี้จะต้องค านึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นใหญ่ ถ้าหากปล่อยให้มี
การลงประชามติ เช่น ความจ าเป็นต้องขึ้นภาษี ก็คงยากที่จะได้รับความเห็นชอบจากประชาชน
ส่วนรัฐธรรมนูญประเทศอัลเบเนียก าหนดกติกาไว้กว้างกว่ารัฐธรรมนูญประเทศเดนมาร์ก โดย
ก าหนดให้สมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจ านวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่สามารถขอให้น าร่างกฎหมาย
หรือประเด็นส าคัญบางประเด็นไปผ่านการลงประชามติได้ และมีข้อจ ากัดว่าประเด็นต่อไปนี้จะน าไปผ่านการ
ลงประชามติไม่ได้ นั่นคือ ประเด็นที่จะกระทบต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาณาจักร ประเด็นที่จะมี
ผลเป็นการจ ากัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ประเด็นที่เกี่ยวกับการเงิน ภาษี หนี้สาธารณะ การยกระดับในการ
ประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศ ตลอดจนการประกาศสงครามและยุติสงคราม และการนิรโทษกรรม เป็นต้น
นอกจากนี้รัฐธรรมนูญดังกล่าวยังก าหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอ านาจวินิจฉัยด้วยว่าประเด็นในการขอให้มีการ
56 57
ลงประชามติในกรณีใดเป็นกรณีที่ต้องห้ามที่รัฐธรรมนูญก าหนดไว้
- กรณีการออกเสียงประชามติในประเทศสโลวิเนีย และประเทศฝรั่งเศส : ประเทศที่มีสภาคู่
ในรัฐธรรมนูญประเทศสโลวิเนีย ค.ศ. 1991 ก่อนมีการแก้ไขเพิ่มเติมนั้น รัฐธรรมนูญเคยก าหนดให้
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม สามารถขอให้มีการลงประชามติในประเด็นใดก็ได้ที่เกี่ยวข้อง
58
กับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย โดยไม่มีข้อจ ากัดเลยว่าเรื่องใดบ้างที่ห้ามน าไปลงประชามติ ปรากฏว่าการ
ก าหนดกติกาดังกล่าวส่งผลให้กลไกนี้ถูกน าไปใช้ในทางที่ผิด กล่าวคือ ส่วนใหญ่แล้ว พรรคฝ่ายค้านจะเป็นผู้
ขอให้มีการลงประชามติในกฎหมายที่เป็นไปเพื่อระงับความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองในสภาด้วยกันเอง
59
ไม่ใช่กฎหมายที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ (Public Interest) อย่างแท้จริง เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติม
รัฐธรรมนูญใน ค.ศ. 2013 จึงยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าวไป และก าหนดให้ประชาชนไม่น้อยกว่า 40,000 คน
60
เท่านั้น ที่สามารถเข้าชื่อกันขอให้มีการลงประชามติได้ และมีการก าหนดข้อห้ามไว้อย่างชัดเจน
54 รัฐูธรรมนูญประเทศเดนมาร์ก ค.ศ. 1953 มาตรา 42 (1),(3),(4),(5)
55 รัฐธรรมนูญประเทศเดนมาร์ก ค.ศ. 1953 มาตรา 42 (2)
56 รัฐธรรมนูญประเทศอัลเบเนีย ค.ศ. 1998 แก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ. 2008 มาตรา 150-152
57 นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญประเทศอัลเบเนียยังก าหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 50,000 คนสามารถขอให้มีการ
ลงประชามติเพื่อยกเลิกกฎหมายได้ (ดูรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 150 (1))
58 รัฐธรรมนูญประเทศสโลวิเนีย ค.ศ. 1991 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ค.ศ. 2006 มาตรา 90
59 Ciril Ribicic and Igor Kaucic. (2014). Constitutional Limits of Legislative Referendum : The case of
Slovenia. IX World Congress “Constitutional Challenges : Global and Local” : International Association of
Constitutional Law, p. 3
60 Official Gazette of the Republic of Slovenia No. 47/13 of 31 May 2013.
41