Page 38 - kpiebook66015
P. 38

4.1 การปรับกลไกในการตรวจสอบฝ่ายบริหารโดยฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นกลไกในรัฐสภา
                        นอกเหนือจากการก าหนดให้รัฐสภาสามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของฝ่ายบริหารได้
               โดยการตั้งกระทู้ถามและการอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจก็ตาม แต่หลายประเทศก็มีการก าหนดกลไกบางอย่าง
               หรือเงื่อนไขในการด ารงต าแหน่งบางประการเพื่อให้การตรวจสอบถ่วงดุลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

               ซึ่งได้แก่ (1.1) การก าหนดให้รัฐมนตรีห้ามด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาคราวเดียวกัน ซึ่งแตกต่างจากกรณีของ
               ประเทศอังกฤษซึ่งเป็นต้นต ารับของระบบรัฐสภา และ (1.2) ข้อเสนอเกี่ยวกับการก าหนดเสียงข้างมากพิเศษใน

               ลักษณะที่เป็นเสียงข้างมากพิเศษแบบขั้นบันได (Supermajoritarian Escalator) ซึ่งใช้กับการตัดสินใจประเด็น
               พิเศษในบางกรณี


                        1) การก าหนดให้รัฐมนตรีห้ามด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาในคราวเดียวกัน

                        ในระบบรัฐสภาของประเทศอังกฤษ (Westminster model) เป็นระบบที่ถือหลักว่า รัฐสภาเป็น

               องค์กรที่มีความส าคัญในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนเนื่องจากมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ในระบบ
               ดังกล่าวนี้ ได้ก าหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งเป็นองค์กรที่ท าหน้าที่เลือกประมุขของ
               ฝ่ายบริหาร ซึ่งท าให้ฝ่ายบริหารมีจุดยึดโยงกับตัวแทนของประชาชน และก าหนดให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถ

               ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้เนื่องจากฝ่ายบริหารจะด ารงอยู่ได้ก็ด้วยความไว้วางใจของรัฐสภา
               นอกจากนี้ ระบบรัฐสภาอังกฤษแต่เดิมก็ไม่ได้ก าหนดเคร่งครัดเรื่องการห้ามด ารงต าแหน่ง กล่าวคือ ไม่ได้มีการ

               ก าหนดให้สมาชิกรัฐสภาจะต้องด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาแต่เพียงอย่างเดียว จึงมักเกิดกรณีที่สมาชิกรัฐสภา
               ไปด ารงต าแหน่งในฝ่ายตุลาการได้ จนมีการกล่าวว่า ฝ่ายตุลาการเองก็มีส่วนในการใช้อ านาจนิติบัญญัติ
                     47
               เช่นกัน

                        และเช่นเดียวกับการด ารงต าแหน่งรัฐมนตรีในฝ่ายบริหารกับสมาชิกรัฐสภาในฝ่ายนิติบัญญัติในคราว
               เดียวกัน กฎหมายอังกฤษก็ไม่ได้มีการบัญญัติห้ามการด ารงต าแหน่งในลักษณะดังกล่าวเช่นเดียวกัน และแม้ว่า

               ต่อมาจะมีการบัญญัติพระราชบัญญัติคุณสมบัติต้องห้ามของสภาผู้แทนราษฎร ค.ศ. 1975 (The House of
               Commons Disqualification Act 1975) ก็ได้ก าหนดเฉพาะห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปด ารงต าแหน่งใน

               ฝ่ายตุลาการเท่านั้น แต่ไม่ได้ก าหนดห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด ารงต าแหน่งรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน
               ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าหากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาของ

               ประเทศอังกฤษแล้ว ก็จะมีการให้เหตุผลว่า การก าหนดดังกล่าวที่ให้รัฐมนตรีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
               และยังคงสามารถเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็เท่ากับยิ่งท าให้ฝ่ายบริหารมีจุดยึดโยงกับประชาชนมาก

               ยิ่งขึ้นเพราะรัฐมนตรีเป็นสมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง จนมีการกล่าวว่า แทบจะพูดไม่ได้เลยว่า
                                                                                     48
               การแบ่งแยกการใช้อ านาจอย่างเด็ดขาดนั้นมีอยู่ในระบบการเมืองของประเทศอังกฤษ
                        อย่างไรก็ตาม การก าหนดให้รัฐมนตรีสามารถด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาได้ในคราวเดียวกันนั้น

               อาจจะไม่มีปัญหาเมื่อมีการใช้ระบบการปกครองดังกล่าวในวัฒนธรรมทางการเมืองของประเทศอังกฤษ
               ที่มีพรรคการเมืองใหญ่เพียง 2 พรรค เท่านั้น แต่เมื่อน าระบบรัฐสภารูปแบบดังกล่าวมาปรับใช้กับประเทศ




               47  Roger Masterman, 2011, ibid, p. 18
               48  A. Tomskin, 2003, Public Law, Oxford : Clarendon Press, p.38



      37
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43